posttoday

บททดสอบชาวพุทธ

20 กุมภาพันธ์ 2558

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

“ชาติ   ศาสนา  พระมหากษัตริย์” ถือว่าเป็นสามสถาบันที่เป็นพื้นฐานความมั่นคงของชาติ เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวคนไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา เผ่าพันธุ์เข้าไว้ด้วยกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับสถาบันหนึ่งใด หรือกับทั้งสามสถาบัน จนเกิดความเสื่อมเสีย ย่อมกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
โดยตรง

คนไทยส่วนใหญ่ 85% นับถือศาสนาพุทธ ก่อนเสด็จปรินิพพาน พระอานนท์เข้าไปถามว่าจะมอบให้ใครเป็นตัวแทนสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป ทำนองว่าจะให้ใครมาแทนพระองค์ พระพุทธเจ้าตอบโดยมีสาระว่า พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับคน 4 กลุ่ม คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา 

เมื่อเราเป็นอุบาสก อุบาสิกา ก็ต้องมีหน้าที่ดูแลสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป รวมทั้งหากเห็นว่ามีใครทำให้พระพุทธศาสนามีมลทิน แม้คนนั้นจะเป็นภิกษุก็ตาม เราก็ต้องวิจารณ์ได้โดยสุจริตใจ เพราะภิกษุเป็นคนของประชาชน หากประชาชนไม่ใส่บาตร ภิกษุก็ไม่มีอาหารฉัน เพราะฉะนั้นคนใส่บาตรก็ย่อมมีสิทธิวิจารณ์พระที่ไม่อยู่ในร่องในรอย พระที่ไม่มีศีล เรื่องนี้นอกจากไม่บาปแล้ว ยังเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำด้วย เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สถิตสถาพรสืบไป

พระต้องมีศีล ถ้าพระไม่มีศีลก็ไม่ใช่พระ พระที่ใช้ผ้าเหลืองคลุมกายไปหลอกลวงชาวบ้าน ใช้ความศรัทธาต่อพุทธศาสนาของประชาชนเป็นเครื่องมือหากิน คนพวกนี้ไม่ใช่พระ สมควรที่จะถูกขับออกจากวงการศาสนา

ชาวพุทธ คือ ผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้มีสติปัญญาไตร่ตรอง ไม่หลงงมงาย อย่าไปเชื่ออะไรง่ายๆ ตามหลักกาลามสูตรที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติไว้ เพราะฉะนั้นพระรูปไหน วัดไหนที่มี “นายหน้าค้าบุญ” หากินบนความศรัทธาของคน เที่ยวไปพูดจาให้คนหลงเชื่อบริจาคเงินมากจะได้บุญมาก บุญเปรียบเสมือนสินค้าชนิดหนึ่งที่มีราคาในตัวของมันเอง ถ้าจ่ายน้อยก็ได้น้อยชิ้น ได้จ่ายมากก็ได้มากชิ้น ถ้าไม่มีวัดก็ออกให้ก่อนแต่ต้องทำบุญเป็นล้าน แล้วผ่อนใช้คืน หากบริจาคเป็นแสนเป็นล้านก็ยิ่งได้บุญมาก ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ ได้เป็นเทพบุตรเทพธิดา มีวิมานสวยงามใหญ่เล็กตามเงินที่บริจาค ฯลฯ เราอย่าไปหลงเชื่อ เวลานี้คนไทยเริ่มรู้แล้ว เลยมีแผนการที่จะดูดเงินจากคนจีนในเอเชียให้เข้ามาเยี่ยมชม โดยอ้างว่านี่คือศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลกอีกด้วย  ถึงตอนนั้นวัดจะรวยเละไปเลย ทั้งที่เวลานี้ก็เละอยู่แล้ว

พระและปู่ย่าตายายสอนเราว่า การทำบุญนั้นจะบริจาคแค่ไหนก็ได้บุญเหมือนกัน มีน้อยบริจาคน้อย มีมากบริจาคมากแต่ศรัทธา ได้บุญเท่ากัน และไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน ขออย่างเดียว ของที่บริจาคนั้นต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์ ผู้รับต้องเป็นผู้บริสุทธิ์  ขณะบริจาคมีจิตใจบริสุทธิ์

พระที่ไปรุกป่าสงวนแห่งชาติ หรือเอาเงินบริจาคไปกว้านซื้อที่สวยๆ ในจังหวัดต่างๆ ตั้งสาขานายหน้าค้าบุญเพื่อระดมเงิน ที่ไหนมีแหล่งแร่ที่จะทำเงินได้มหาศาล โดยเฉพาะแหล่งแร่ทองคำก็ไปกว้านซื้อที่ไว้ ตรงไหนซื้อไม่ได้เพราะอยู่บนเขา ลูกศิษย์ที่เป็นใหญ่เป็นโตในกรมป่าหาทางออกให้โดยใช้วิธีเช่า เอาเงินไปลงทุนแชร์แม่ชม้อยบ้าง เอาเงินบริจาคไปลงทุนในกิจการน้ำมันในต่างประเทศลงทุนซื้อขาย

อาวุธในช่วงที่หุ้นกำลังบูมก็เอาเงินไปเล่นหุ้น ต่อมาเอาเงินไปลงทุนซื้อขายเพชรพลอย มีบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ที่หากินกับวัดโดยเสนอโครงการก่อสร้างมากมายให้กับวัด พระที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ไม่ใช่พระแน่นอน

พระต้องเป็นอยู่อย่างสมถะไม่ฟุ้งเฟ้อ หากพระรูปไหนสั่งสบู่พิเศษจากปารีส เพื่อขัดถูกผิวให้ขาวผ่องเป็นยองใย ซื้อผ้าจาก สวิส ญี่ปุ่นมาตัดเย็บเป็นจีวรเพราะเป็นผ้าเนื้อพิเศษ นุ่งห่มแล้วจะขับผิวให้ผุดผ่อง เวลาขึ้นนั่งทำพิธีต้องจัดไฟส่องหน้า หลัง ข้าง ให้ดูสง่างามเหมือนลอยมาดั่งเทพบุตรจุติลงมา ฯลฯ หากมีพระแบบนี้  เราคิดว่ายังเป็นพระอีกหรือ

พระต้องไม่ยินดีกับลาภ ยศ สรรเสริญ ถ้าพระรูปไหนวางแผนแบบนักการเมือง วิเคราะห์ว่าพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปไหนจะขึ้นลงอย่างไร  รูปไหนอายุเท่าไร จะตายเมื่อไร จะเหลือใครบ้าง รูปไหนที่มีโอกาสขึ้นเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ต่อไป ก็ไป “ซื้อ” ไว้โดยถวายรถ เงิน  เพื่อให้แต่งตั้งตนกระโดดข้ามขั้นเป็นเจ้าคุณ วางแผนถึงว่าตนเองมีอายุยังน้อย เถระแก่ๆ วันหนึ่งจะตายหมดและตัวเองจะขึ้นเป็นพระสังฆราช พระที่หวังลาภยศสรรเสริญแบบนี้ เราจะเรียกว่าเป็นพระได้หรือ

พระที่ไปอยู่กับสีกาสองต่อสอง ปิดประตูบ้านเงียบ รูดม่านปิดหมด มีคนรถขับไปส่งให้ พอถึงบ้านก็ผลุบเข้าไปอยู่ในบ้าน คนขับรถถูกใช้ให้ไปซื้อหูฉลามและอาหารรสเลิศจากโรงแรมมีชื่อแห่งหนึ่งที่ใช้เวลาไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนผู้หญิงนั้นก็ให้คนใช้ออกไปเที่ยวนอกบ้านได้เป็นกรณีพิเศษ การไปอยู่ในที่รโหฐานสองต่อสองเช่นนี้ย่อมเป็นการไม่เหมาะสม พระประเภทนี้ควรที่ชาวพุทธจะเคารพกราบไหว้ต่อไปหรือไม่

ชาวพุทธต้องเป็นผู้ตื่น ผู้รู้ มีสติปัญญาไตร่ตรอง อย่าไปเชื่ออะไรง่ายๆ หากมีใครมาบอกว่า พระเกจิอาจารย์จะมาปรากฏตัวบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกนั้นก็อย่าไปเชื่อ พระระดับเกจิอาจารย์ไม่มีทำอะไรแผลงๆ แบบนั้นแน่ หากมีพระรูปไหนบอกว่าสามารถไปเฝ้าพระพุทธเจ้าบนสวรรค์ได้ก็อย่าไปเชื่อ ยิ่งมาบอกว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด ซ้ำยังเป็นหัวหน้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายซะอีก ก็อย่าไปฟัง พระรูปใดที่อ้างว่ารู้ดีกว่าพระพุทธองค์ อนัตตานั้นไม่ถูก ต้องเป็นอัตตา พระไตรปิฎกฉบับเถรวาทก็ไม่ถูกต้อง โดยจะเอาฉบับของตนขึ้นมาแทน ต่อไปเขาคงคิดอะไรเพี้ยนๆ ได้อีกหากมีคนหลงเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ  พระแบบนี้น่าจะไล่ให้ขึ้นจานบินไปตั้งลัทธิใหม่บนโลกอื่นเสียเลย

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้พูดถึงพระรูปใดรูปหนึ่งหรือวัดใดวัดหนึ่งเป็นการเฉพาะเป็นการยกตัวอย่างให้ชาวพุทธผู้ตื่น ผู้รู้  ใช้สติปัญญาไตร่ตรอง อย่าหลงงมงาย เพราะนี่เป็นการทดสอบชาวพุทธครั้งสำคัญ เงินทองหามายาก เมื่อได้มาก็เก็บไว้ทำให้พ่อแม่ลูกเมียมีความสุข หากบริจาคก็อย่าให้ตัวเองและครอบครัวเดือดร้อน