posttoday

นโยบายพลังงานแบบเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง

13 กุมภาพันธ์ 2558

เฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล

เฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล

"นโยบายพลังงานแบบเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง"

กระทรวงพลังงานประกาศขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิด60สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นE85 ในวันพรุ่งนี้ (13กุมภาพันธ์ 2558) ช่วงที่ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ของสหรัฐลดต่ำลงเหลือ 49เหรียญ/ บาร์เรล หรือ10.17บาท/ลิตร ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในไทยไม่ลด ถ้ามีการลดก็เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแทน แต่พอราคาน้ำมันดิบตลาดโลกผงกหัวขึ้นมาเป็น 49.97เหรียญ/บาร์เรลในวันนี้ (12ก.พ) กระทรวงพลังงานรีบประกาศขึ้นราคาน้ำมันสำเร็จรูปทันที 60สตางค์/ลิตร

ตั้งแต่วันที่2ก.พ 2558 เป็นต้นมา กระทรวงพลังงานได้อาศัยช่วงบ้านเมืองอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ที่ไม่มีประชาชนกล้าออกมาต่อต้าน เดินหน้าปรับราคาก๊าซหุงต้มยกแผง ด้วยการกำหนดราคาก๊าซหุงต้มหรือLPGจาก3แหล่งและเอามาถัวเฉลี่ยราคากัน

1) ราคาก๊าซLPG จากโรงแยกก๊าซ ซึ่งเป็นก๊าซจากอ่าวไทยถูกปรับราคาขึ้นจาก 333เหรียญ/ตัน (10.98บาท/ก.ก) เป็นราคา 498เหรียญ/ตัน หรือ 16.43บาท/ก.ก

2) ราคาก๊าซจากโรงกลั่นน้ำมัน ใช้ราคาตลาดโลก (CP) - 20 เหรียญ ซึ่งขณะนี้ราคาตลาดโลกเหลือ462เหรียญ/ตัน ดังนั้นราคาโรงกลั่นน้ำมันคือ 462-20= 442 เหรียญ หรือ 14.58 บาท/ก.ก

3) ราคาLPG นำเข้า ใช้ราคา CP + 85 เหรียญ = 462+ 85 = 547 เหรียญ/ตัน หรือ 18.05บาท/ก.ก

ถือว่ากระทรวงพลังงานในยุครัฐบาลอำนาจพิเศษสามารถดำเนินการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มโดยเฉพาะภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นภาคใหญ่ที่สุดได้สำเร็จในยุคนี้ และยังสามารถปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มของโรงแยกก๊าซ ซึ่งเป็นทรัพยากรในอ่าวไทยได้ตามที่มีความพยายามมาหลายปี แต่ทำไม่สำเร็จในสมัยรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ต้องรอรัฐบาลจากการรัฐประหารมาต่อยอดให้จนสำเร็จ

การอ้างว่าใช้ราคาเดียวกันยกแผง จะได้ไม่หาว่าปิโตรเคมีใช้ราคาถูกกว่าชาวบ้าน แต่กรรมาธิการพลังงานในสปช. ตอบคำถามดิฉันว่า ไม่มีหน่วยงานไหนกำกับราคาก๊าซLPG ที่ปิโตรเคมีซื้อ ดังนั้นราคาซื้อขายLPGระหว่างบริษัทแม่และบริษัทลูก จึงเป็นเงินกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวาของกลุ่มเดียวกัน ส่วนราคาที่ปรับใหม่เป็นราคาที่กำหนดให้ประชาชนทุกภาคส่วนเป็นผู้รับภาระในการเพิ่มกำไรให้บริษัทเอกชน

นอกจากนี้การเก็บภาษีสรรพสามิตก็เก็บเฉพาะผู้ใช้LPG เป็นเชื้อเพลิงเท่านั้น ส่วนปิโตรเคมีไม่ต้องจ่าย แม้จะเป็นผู้ก่อขยะพลาสติกจำนวนมหาศาล ก็ไม่ต้องรับภาระ

กองทุนน้ำมันที่ผิดกฎหมายก็ยังเปิดให้เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมัน และผู้ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงต่อไปวันละไม่ต่ำกว่า 300ล้านบาท แต่ปิโตรเคมีได้รับคำสั่งใหม่ว่าไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน1บาท/กก.แล้ว นับต้ังแต่วันที่2ก.พ 2558 เป็นต้นไป

ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานที่อยู่ในสปช. บอกข่าวว่า ในรัฐบาลนี้จะไม่มีการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มอีกต่อไป ตราบเท่าที่ยังเป็นรัฐบาลอยู่ !!!

ต้องถามว่าแล้วจะเก็บกองทุนน้ำมันไปทำไมวันละกว่า 300ล้านบาท ในเมื่อไม่เอาไปชดเชยอะไรอีกแล้ว นอกจากไม่ยอมลดราคาน้ำมันตามกลไกตลาดที่ชอบอ้างแล้ว กระทรวงพลังงานยังคอยจ้องขึ้นราคาน้ำมันทันทีที่ราคาตลาดโลกขยับแม้เพียงเล็กน้อย การสะท้อนราคาตลาดโลกของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานก็คงหมายถึงเวลาราคาตลาดโลกขยับขึ้นสูงเท่านั้น ถ้าราคาลดต่ำลงเมื่อไหร่ถ้าไม่เก็บเข้ากองทุนน้ำมัน ก็จะทอดเวลาลดราคาให้ช้าไปหลายวัน ในแต่ละวันที่ช้าไป ก็คือปล่อยธุรกิจโกยกำไรแทนที่จะลดราคาให้ประชาชนตามกลไกตลาด

โครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซเวลานี้ไม่มีความเป็นธรรมต่อประชาชน เป็นโครงสร้างผูกขาดที่รัฐบาลช่วยมัดมือประชาชน ให้ทุนพลังงานชกได้ตามอำเภอใจ ใช่หรือไม่!?!

ราคาก๊าซLPG นำเข้าบวกค่าใช้จ่าย85เหรียญ/ตัน กลุ่มผู้ค้ามาตรา7ที่ค้าแอลพีจีบอกว่าแพงมาก หากกระทรวงพลังงานเปิดประมูลให้ผู้ค้ารายอื่นเสนอราคานำเข้ามาแข่ง ใครเสนอได้ถูกกว่าก็ให้เป็นผู้นำเข้าLPG ซึ่งจะได้ราคาถูกกว่านี้ แต่กระทรวงพลังงานไม่ได้ตอบสนองเพื่อทำให้มีการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ราคาก๊าซที่ถูกลง ค่าใช้จ่ายที่บวกในราคาLPGนำเข้าถึง85เหรียญคือเงินที่ล้วงจากกองทุนน้ำมันไปจ่าย จนป่านนี้ยังไม่ส่งข้อมูลที่ดิฉันขอให้แยกรายละเอียดค่าใช้จ่ายว่าเป็นค่าอะไรบ้าง

สิ่งที่ต้องตั้งคำถามว่าเหตุใดราคาก๊าซLPG จากอ่าวไทยที่เป็นทรัพยากรในบ้าน จึงมีราคาแพงกว่าก๊าซLPGราคาตลาดโลก!!

รัฐบาลจะรีบร้อนเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ21ไปทำไม ในเมื่อราคาก๊าซที่ผลิตในประเทศ จากทรัพยากรในประเทศกลับมีราคาแพงกว่าก๊าซในต่างประเทศ ที่รัฐบาลอ้างว่าต้องรีบให้สัมปทานปิโตรเลียมรอบ21 โดยไม่แก้ไขกฎหมายที่แลประเทศเสียเปรียบนั้นมีเหตุผลที่น่ารับฟังแล้วหรือ? ที่อ้างว่าต้องรีบให้สัมปทานเพื่อความมั่นคงทางพลังงานนั้น เป็นคำพูดที่วิญญูชนได้ฟังแล้วสามารถตอบได้ว่า ไม่ใช่ความมั่นคงของประชาชนแน่ รัฐบาลควรตอบชัดๆว่าที่ต้องรีบเปิดสัมปทานให้ได้นั้นเป็นความมั่นคงของใครกันแน่!?!

ท่านใช้กฎอัยการศึกปิดปากประชาชนที่คัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ21 รัฐบาลนี้ต้องการถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์หรือไม่ว่า กำลังใช้อำนาจพิเศษเพื่อผ่องถ่ายทรัพย์สินของชาติ และทำให้ประชาชนคนไทยต้องตกเป็นอาณานิคมให้กับทุนพลังงานตลอดไป??

การดำเนินนโยบายพลังงานของรัฐบาลอำนาจพิเศษในขณะนี้ น่าจะลองพิจารณาดูว่ามีอะไรแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้วๆมาบ้าง ซึ่งเคยถูกเรียกว่าเป็นรัฐบาลคอรัปชั่นเชิงนโยบายขนาดใหญ่ ขอถามว่าการดำเนินนโยบายพลังงานของรัฐบาลอำนาจพิเศษขณะนี้มีความแตกต่างกันหรือไม่?? นอกจากไม่แตกต่างแล้ว ยังเดินหน้าได้เร็วยิ่งกว่า จึงควรเรียกว่าเป็น การดำเนินนโยบายแบบ "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" กระมัง!?!