posttoday

พสกนิกรปีติเฝ้าฯรับเสด็จฯในหลวง-พระราชินี

01 สิงหาคม 2556

ประชาชนหลั่งไหลเฝ้าฯรอรับเสด็๗ในหลวง-พระราชินีเสด็จฯออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปประทับวังไกลกังวลหัวหิน

ประชาชนหลั่งไหลเฝ้าฯรอรับเสด็๗ในหลวง-พระราชินีเสด็จฯออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปประทับวังไกลกังวลหัวหิน

ที่ศาลาศิริราช100 ปี โรงพยาบาลศิริราช ประชาชนจำนวนมากที่ทราบข่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปประทับ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่างเดินทางมาเฝ้าฯรอรับเสด็จฯเป็นจำนวนมาก

นางถนอม ชมพู 78 ปี เป็นอีกผู้หนึ่งที่มาเฝ้ารอรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยคุณป้าได้เล่าถึงเรื่องการมาเฝ้าฯรอรับเสด็จฯด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า มารอรับเสด็จพระองค์ท่านทุกครั้งตั้งแต่ปี 2549 โดยเฉพาะ 4 ปีหลังมานี้จะมาทุกวัน คุณป้าบอกว่า “ถึงแม้ไม่รู้ว่าท่านจะเสด็จฯออกมาวันไหนบ้าง แต่เราก็ยินดีที่จะมารอรับเสด็จฯท่านทุกวัน”

ป้าถนอมบอกว่า “เรารักพระองค์ท่าน ท่านทำให้ลูกหลานเราได้อยู่อย่างสบาย เราเองก็อยากให้ท่านหายจากพระอาการประชวรโดยไว ความสุขอยู่ตรงที่ได้มาเข้าเฝ้ารับเสด็จฯพระองค์ท่าน”

ป้าถนอมยังบอกอีกว่า ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย และพยายามที่จะให้ลูกหลานได้เห็นถึงสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำมาตลอดชีวิตของพระองค์ท่าน เพราะคนรุ่นใหม่อาจะเห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านทรงงานน้อย เพียงแต่พระวรกายอาจจะไม่แข็งแรงมากเหมือนแต่ก่อน

ขณะที่ น.ส.จรัสวรรณ ธีรธรรม เป็นอีกคนหนึ่งที่จะมาเฝ้ารอรับเสด็จฯพระองค์ท่านทุกครั้งไม่เคยขาด โดยเฉพาะในโอกาสสำคัญ ๆ “มาเข้าเฝ้าพระองค์ท่านทุกวัน ตั้งแต่วันที่ท่านทรงพระประชวรวันแรก ตั้งแต่สมัยที่สมเด็จพระพี่นางฯทรงประชวรด้วย แล้วถ้ามีโอกาสก็จะตามเสด็จฯพระองค์ท่านออกตามต่างจังหวัด”

น.ส.จรัสวรรณ กล่าวอีกว่า ดีใจที่ตอนนี้พระองค์ท่านมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น เราก็เป็นห่วงท่านที่ท่านทรงงานหนัก “ปีหนึ่งมี  356 วัน แต่ท่านทำงานเป็น 2 เท่าของคนทั่วไป ทุกตารางนิ้งท่านเสด็จเยือนไปหมดแล้ว ท่านคือที่สุดของประชาชน”

พสกนิกรปีติเฝ้าฯรับเสด็จฯในหลวง-พระราชินี

ด้าน น.ส.กติกา อิงคถาวรวงศ์ เล่าให้เราฟังว่า วันนี้มานั่งอ่านหนังสือที่นี่ แล้วเจอกับป้าปุ้ย ได้พูดคุยกันจึงทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯจะทรงเสด็จไปยังวังไกลกังวล จึงได้ตามมานั่งเฝ้ารับเสด็จด้วย

“เด็กก็รักในหลวงนะป้า”คำพูดของพี่กติกาที่พูดคุยกับป้าปุ้ยอย่างเป็นกันเอง ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ด้วยความที่จุดมุ่งหมายเดี๋ยวกันก็คือต้องการเฝ้ารับเสด็จฯพระองค์ท่าน จึงทำให้มานั่งพูดคุยกันได้อย่างไม่ยาก

กติกาบอกว่า “ถ้ามีโอกาสก็จะมาเฝ้ารับเสด็จฯทุกครั้ง เพราะบ้านใกล้ ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้มาเฝ้ารับเสด็จฯพระองค์ท่าน รู้สึกดีทุกครั้ง ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่ได้เจอพระองค์ท่านก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นไร ยังมีโอกาสอีกเยอะ”

กติกายังบอกอีกว่า เห็นท่านประชวรก็อยากให้คนไทยรักกัน มีความสามัคคีกัน เลิกทะเลาะกัน ไม่อยากให้มีการดึงเรื่องของสถาบันลงมาเกี่ยวกับการเมือง เพราะว่าเป็นคนละส่วนกัน ท่านทำงานมาเหนื่อย เราสามารถนำสิ่งที่ท่านทำมาเป็นแบบอย่างได้ เอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้

"สิ่งที่เราทำให้ท่านได้ก็คือ ต้องรักชาติ รักกัน สามัคคีกัน ให้คนไทยช่วยเหลือกัน ก่อนที่เราจะทำอะไรไม่ดีก็ให้คิดเสียก่อนว่า พระองค์ท่านก็ทรงเคยตรากตรำทำงานหนักมาก่อน ท่านเหนื่อยมาตลอด ก็อยากให้ท่านได้พักบ้าง"

นายชานน กงเพ็ชร นักศึกษาวัย 20 ปี กล่าวว่า จะมารับเสด็จฯทุกครั้งที่มีโอกาส เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 เนื่องจากว่าสถาบันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านก็ทรงทำงานเป็นแบบอย่าง ดำเนินชีวิตให้เป็นแบบอย่างแก่เยาวชนและประชาชนทั้งหลาย

นายชานนยังกล่าวอีกว่า ทุกคนต้องการให้พ่อหายป่วย ถึงเราจะไม่ใช่แพทย์ไม่ใช่ทหารใกล้ชิดพระองค์ท่าน แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือให้กำลังใจแก่พระองค์ท่าน สวดมนต์ ทำความดี แต่นี้ก็เพียงพอแล้ว ปลื้มปิติที่ได้เห็นพระพักตร์พระองค์ท่าน ท่านทรงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลมานาน การที่ท่านจะได้เสด็จกลับบ้าน ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าเทียบกับคนป่วย การได้กลับบ้านก็แสดงให้เห็นได้ว่าอาการป่วยดีขึ้นแล้ว

ขณะที่ น.ส.ฉันทิกาพร พัฒนะพิมลจิตร์ ได้ตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่า ถ้ามีโอกาสครั้งไหนที่สามารถมาเข้าเฝ้ารอรับเสด็จฯได้ก็จะมาทุกครั้ง หลักจากที่เคยพลาดไปแล้วเมื่อตอนปี 2549

“แม้ได้เห็นพระพักตร์พระองค์ท่านนิดเดียวก็พอใจแล้ว อยากจะร้องไห้ มันบอกไม่ถูกว่าทำไม อาจจะด้วยพระบารมีท่านหรือไม่ก็ความจงรักภักดีของเรา สิ่งที่เราจะตอบแทนท่านได้ก็คือ เราต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ท่านไม่เคยบอกให้เรารักพระองค์ท่าน แต่เราเห็นการทรงงานของท่าน แล้วเราจะไม่รักท่านได้อย่างไร”น.ส.ฉันทิกาพรกล่าว

นางทิพา นุจรีพร อายุ 61 ปี ซึ่งบ้านอยู่ จ.นครปฐม กล่าวว่า ตื่นมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อเดินทางมายังโรงพยาบาลศิริราช รอชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  โดยนัดเพื่อนมากัน 20 กว่าคน

“ถ้าพ่อเสด็จฯเราก็ไม่เอาอะไรเลย อยากมารอเข้าเฝ้า และป้าก็มาทุกครั้งที่พ่อลงมา ดีใจมาก ปลื้มที่จะได้ส่งเสด็จฯในหลวงไปหัวหิน และก็ดีในที่รู้ข่าว ตื่นมาตั้งแต่เช้ามืด โดยคราวนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้นั่งหน้าตึก เพราะอาจจะเกรงว่ามีคนเยอะ เสียงดัง รบกวนผู้ป่วย เลยมาหาที่นั่งตรงทางออกที่พ่อจะเสด็จฯ”นางทิพา กล่าว 

พสกนิกรปีติเฝ้าฯรับเสด็จฯในหลวง-พระราชินี

นางวิภาดา จันทะลือ อายุ 55 ปี จากเขตบางบอน กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า พอรู้ว่าในหลวงจะเสด็จฯแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังไกลกังวล จากข่าวในพระราชสำนักเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ก็รู้สึกดีใจมากและอยากมาเข้าเฝ้าเป็นกำลังใจให้พระองค์ท่านเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“อยากจะขอถวายพระพร ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ อายุยืนนาน อยู่กับประชาชนไปนานๆ อายุเกิน 100 พรรษา แข็งแรงนานๆ เพราะสำหรับคนไทยที่สุดคือในหลวง และพระราชินี ทุกครั้งถ้าได้ข่าวว่าทางจะเสด็จฯไปไหนก็จะตามไปทุกครั้ง คราวนี้พอรู้ข่าวก็รีบมาด้วยความยินดี”นางวิภาดา กล่าว

ด้าน นางวสวรรธ เมืองแมน อายุ 52 ปี อาศัยอยู่ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่มาพร้อมกับเพื่อนๆจากย่านรัชดา และผู้สูงอายุอีกหลายคนที่มาจากต่างๆที่กัน บอกว่ารู้ข่าวในหลวงจะเสด็จฯจากในเฟซบุ๊ก

“จริงๆแล้วก็ทราบว่าท่านจะเสด็จฯก็รอวัน เช็คกับเพื่อน พอแน่ใจแล้วว่าเป็นวันนี้ก็เลยชวนกันมา พี่มาทุกครั้งที่พระองค์เสด็จฯ เข้าเฝ้าท่านแล้วมีความสุข เพราะท่านเป็นกำลังใจให้เรา เราก็ต้องถวายกำลังใจให้พระองค์ท่าน พูดตามตรงพี่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะท่าน ชีวิตเราไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จอะไร ก็ได้พระองค์ท่านเป็นหลัก และทำตามคำสอนของในหลวง ชีวิตถึงได้ดีขึ้น”นางวสวรรธ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า

นางวสวรรธ กล่าวอีกว่า ดีใจมาก ที่ในหลวงเสด็จฯไปหัวหิน เพราะคิดว่านั่นคือพระองค์ทรงมีพระวรกายที่แข็งแรงมากขึ้น

“ขอถวายพระพรให้ในหลวงมีสุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆกว่านี้ อยากให้ท่านทั้ง 2 พระองค์ได้กลับมายืนเคียงคู่กันนานแสนนาน วันนี้ไม่ว่าจะร้อนหรือไม่ก็จะต้องรอเข้าเฝ้าเพราะมาเป็นประจำ ที่ต้องมาแต่เช้าเพราะว่าต้องมาจองที่ไว้เพราะเพื่อนจะตามกันมาอีกในช่วงบ่ายๆ พี่มีเคล็ดคือจะไหว้ขอพระองค์ท่านทุกครั้งว่าขอให้ได้ที่นั่งดีๆ ไปที่ไหนก็ขอ ทั้งที่พระบรมรูปทรงม้าก็ได้ที่นั่งดี คราวนี้ก็โชคดีที่ยังว่าง เป็นความสุขอีกอย่าง เราอิ่มใจ ชุ่มชื่น ได้เห็นพระองค์ท่านแล้วน้ำตาไหล ปลื้มปีติ”นางวสวรรธ กล่าว

นางจรัสวรรณ ธีระธรรม อายุ 58 ปี เดินทางมาจากหนองแขม พร้อมกับอีกหลายคนที่มาจาก อ.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ คลอง 8 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และเขตตลิ่งชัน กทม. บอกว่าบางตื่นมาตั้งแต่ตี 3 เพื่อนั่งรถตู้มาให้ถึงตอน 06.00 น.

“ไม่ว่าบ้านใครจะไกลแค่ไหน ถ้าเรารู้ว่าในหลวงเสด็จฯเราจะตามไปรับเสด็จทุกที่ เรียกได้ว่าไม่เคยขาดแม้แต่ครั้งเดียว ดีในที่ท่านจะได้กลับไปหัวหิน ถ้านับเวลาแล้วก็ 3 ปี 10 เดือน ครั้งนี้ท่านแปรพระราชฐานแสดงว่ามีสุขภาพพลานามัยที่ดีขึ้น เลยเปลี่ยนอิริยาบถ”นางจรัสวรรณ กล่าว

นางจรัสวรรณ กล่าวอีกว่า ติดตามข่าวการเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่เสมอ ส่วนการเสด็จในวันนี้นั้น ได้มาที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เพราะอยากจะรู้ว่าท่านเสด็จวันไหนแน่ โดยวันจันทร์ก็กลับมาอีกครั้ง จนกระทั่งมีการแถลงการณ์เสด็จแน่ก็ชวนเพื่อนมากันทันที

“ป้าตามเสด็จไปเข้าเฝ้ามาตั้งแต่ ปี 2549 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จนมาถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อครั้งเสด็จมายังโรงพยาบาลศิริราชก็ตามมา ส่วนคนที่เห็นว่ามานั่งจองที่กันตอนนี้ก็คือคนที่เราเจอกันมานานเพราะตามเสด็จก็รู้จักกัน ถ้าจะให้ถวายพระพรก็คงบอกว่า ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ เราประชาชนคนหนึ่งไม่รู้จะพูดความในใจอย่างไร ไม่อยากให้ท่านเจ็บป่วย ถ้าเป็นไปได้เราก็พร้อมจะเป็นแทนพระองค์ได้เลย เพราะท่านเป็นที่สุดของประชาชน”นางจรัสวรรณ กล่าว    

พสกนิกรปีติเฝ้าฯรับเสด็จฯในหลวง-พระราชินี

 

พสกนิกรปีติเฝ้าฯรับเสด็จฯในหลวง-พระราชินี