ลุ้น!ปฏิบัติการกู้เรือน้ำตาล

เริ่มปฏิบัติการกู้เรือน้ำตาลล่ม ผู้ว่าอยุธยาทำพิธีบวงสรวง ให้ราบรื่น ก่อนลำเลียงพอนทูนเข้าไปกลางท้องเรือก่อนจมลงและอัดอากาศพยุงท้ายเรือลอยขึ้นจากน้ำ ด้าน อธิบดีกรมเจ้าท่ายอมรับ น้ำเชี่ยวเป็นอุปสรรค

เมื่อเวลา 10.00 น. ปฏิบัติการกู้เรือน้ำตาลทรายที่ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขต จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เริ่มขึ้น ขณะที่พอนทูนลูกแรกถูกลำเลียงเข้าไปยังกลางท้องเรือก่อนที่จะจมลงและอัดอากาศเพื่อพยุงให้ท้ายเรือลอยขึ้นพ้นจากน้ำ

โดย เจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่าและตัวแทนจากบริษัท เอ เอ็น ที รวมถึงบริษัทอัลฟ่า มารีน ซัพพลายได้ลำเลียงพอนทูน หรือ โป๊ะลูกแรกเข้าไปยังกลางท้องเรือ หลังจากนั้นจะจมพอนทูนลงไปกลางท้องเรือ และใช้พอนทูนที่จมลงสอดไปยังบริเวณกระดูกงูของเรือก่อนที่จะอัดอากาศเข้าไปเพื่อพยุงให้พอนทูนลอยขึ้นมาพ้นน้ำ ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะทำให้ท้ายเรือโผล่พ้นขึ้นจากน้ำ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่าจะนำเรืออีก 5 ลำ ลากบริเวณท้ายเรือออกจากฝั่ง

ทั้งนี้ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ทำการบวงสรวงเพื่อขอให้การกู้เรือบรรทุกน้ำตาลที่ล่มให้เป็นไปอย่างราบรื่น

ขณะที่บรรยากาศริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาขณะนี้มีพี่น้องประชาชนทยอยเดินทางมาจับจองพื้นที่ซึ่งหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การกู้เรือน้ำตาลที่ล่มในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์แรกที่ชาวบ้านได้เห็นการทำงานตลอดเวลา

นายถวัลย์รัฐ  อ่อนศิระ  อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวถึงความคืบหน้าการกู้เรือน้ำตาลล่ม ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้พยายามนำพอนทูน หรือโป๊ะลอยน้ำจำนวน 2 ตัว น้ำหนัก 100 ตัน สอดเข้าไปใต้ท้องเรือสินค้าที่จมน้ำในบริเวณหัวเรือและท้ายเรือ เพื่อยกเรือให้ลอยขึ้นมา แต่การดำเนินการยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากกระแสน้ำที่มีระดับสูงขึ้นและไหลแรง จึงเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทำให้นำพอนทูนสอดเข้าไปได้เพียง 1 ตัว จึงได้หารือกับกองทัพเรือโดยการนำบอลลูนอีก 4 ตัวเข้ามาช่วยเสริมใต้ท้องพอนทูล เพื่อพยุงเรือที่จมให้ลอยขึ้นมาจากน้ำก่อน และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.54) จึงจะสามารถลากเรือออกไปกู้บริเวณที่ไม่มีผลกระทบกับชุมชนได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยก่อนหน้านี้กรมเจ้าท่าได้ออกประกาศเพื่อปิดการจราจรทางน้ำชั่วคราว บริเวณพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยา สะพานหัวดุมตำบลภูเขาทอง ไปจนถึง สะพานวัดกษัตราธิราช โดยกำหนดให้เรือลำเลียงเรือลากจูง เดินเรือเฉพาะกรณีเร่งด่วนและมีความจำเป็นเท่านั้น เพื่อให้การกู้เรือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และปลอดภัยต่อการเดินเรือ พร้อมแจ้งให้ชาวเรือทราบการกำหนดให้เรือที่แล่นผ่านบริเวณจุดที่เรือจม เดินเรือชิดแนวฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา และให้เรือลากจูงลากเรือลำเลียงที่เป็นเรือหนักได้ครั้งละ 1 ลำ พร้อมทั้งให้มีเรือดึงด้านท้ายเรือลำเลียงอีก 1 ลำ และให้ใช้เครื่องขยายเสียงหรือวิทยุแจ้งให้เจ้าท่าทราบเมื่อเดินเรือเข้ามาในเขตควบคุมการเดินเรือ พร้อมทั้งจัดชุดจัดทำแนวป้องกันการกัดเซาะตลิ่ง โดยตอกเสาเข็มตามแนวบริเวณเหนือเรือน้ำตาลจมเพื่อลดและเปลี่ยนแปลงกระแสน้ำ และถมถุงทรายด้านในตามแนวเสาเข็ม