สวนปาล์มน้ำมันพุ่งตามราคาผลผลิต คปย.หาทางไม่ให้ขยับขึ้นอีก

นายโอภาส หนูชิต เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน จ.พัทลุง ที่ปรึกษาสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง จำกัด เปิดเผยว่า การซื้อขายสวนปาล์มน้ำมัน จ.พัทลุง ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ซื้อส่วนผู้ขายมีน้อยมาก แต่ก็ยังมีการขายออกไปบ้างเล็กน้อย ในราคา 300,000 บาท / ไร่ สำหรับพื้นที่นาร้าง จ.พัทลุง มีบางจุดก่อนเป็นนาร้างราคาไม่เกิน 100,000 บาท / ไร่ แล้วได้ลงทุนมาเป็นสวนปาล์มน้ำมัน แต่ตอนนี้เมื่อปาล์มน้ำมันที่สมบูรณ์อยู่ในพื้นที่ตั้งเหมาะสมน้ำสมบูรณ์ ทางเข้าออกอำนวยความสะดวกดี จึงมีราคาที่ดี

นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (คยปท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้สวนปาล์มน้ำมันราคาสูงขึ้นตาม จากเดิมราคาประมาณ 150,000 บาท / ไร่ แต่มาในขณะนี้ราคาได้ขยับขึ้นถึง 300,000 บาท – 350,000 บาท / ไร่ สำหรับสวนปาล์มน้ำมันที่ตั้งทำเลดี อุดมสมบูรณ์คือน้ำและปาล์มน้ำมันหนุ่มสาว 7 ปี – 15 ปี เพราะจะให้ผลผลิตปริมาณมาก “สวนปาล์มน้ำมันที่เพิ่งปลูกก็มีการออกปล่อยขาย”

นายทศพล กล่าวว่า น่าจะเป็นการปั่นราคาของการค้า เพราะผู้ปล่อยขายจะเป็นของกลุ่มสวนปาล์มน้ำมันขนาดใหญ่ ไม่ใช้เจ้าของสวนปาล์มรายเล็กรายย่อย กลุ่มนี้มีสวนปาล์มน้ำมันปริมาณมากที่เคยกวาดซื้อที่ดินปลูกไว้ปริมาณมาก จากเดิมที่เคยซื้อที่ดินประมาณ 100,000 บาท / ไร่

“ปาล์มน้ำมันละ 1 ตัน มาเหลือกว่า 300 กก. จากจำนวน 15 วัน / รอบ มาเป็น 18 วัน 20 วัน / รอบ จากเดือนแทง 2 รอบ ขณะนี้ 3 จาก 12 บาท / กก.นำไปขายที่ลานรับซื้อปาล์มน้ำมันประกาศราคารับซื้ออยู่ที่ 7.50 บาท / กก. (วันที่ 6 กพ.65) แต่ได้เจรจากับเจ้าของลานนับซื้อปาล์มน้ำมัน ในที่สุดรับซื้อที่ 8.10 บาท / กก.”

ขณะนี้ปาล์มน้ำมันค่อนข้างจะขาดคอ จากการสอบถามลานรับปาล์มน้ำมันที่รับซื้อปริมาณ 80 ตัน / วัน ตอนนี้มาเหลือ 40 ตัน และ 45 ตันไม่เกิน / ตัน / วัน

“ของผมแทงรอบเดือน แทงประมาณ 2 รอบ”

นายทศพล กล่าวอีกว่า ส่วนปาล์มน้ำมันดิบที่แปรรูปไปผลิตใบโอดีเซล บี 5 บี 7 ตนได้เคยเสนอไว้เมื่อสมัยระดมรับฟังความคิดเพื่อยกร่าง พรบ.ปาล์มน้ำมัน ว่าหากปาล์มน้ำมันเกิดขาดแคลน ก็ลดสัดส่วนจาก บี 7 มาเหลือที่บี 5 ซึ่งตอนนี้รัฐบาลดำเนินการ และประเด็นน้ำมันที่ราคาสูง จนส่งผลกระทบต่อน้ำมันปาล์ม คยปท. กำลังหารือและขอข้อมูลจากที่ปรึกษา คยปท.เรื่อง ค่าการกลั่น ค่าการตลาด ค่าภาษี สรรพสามิต ค่าภาษีหัวจ่าย และค่าแวต เพื่อนำมาศึกษา

“ถ้าเป็นไปได้ จะต้องมีการลดค่าการกลั่น ค่าการตลาด ค่าภาษีสรรพสามิต ค่าหัวจ่าย เพื่อไม่ให้ราคาไม่ขยับสูงต่อไป” นายทศพล กล่าว.