เรือร้างจมระหว่างลากเข้าฝั่ง ทัพเรือคาดตั้งใจทิ้งให้ลอยกลางทะเล

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 65 จากกรณีพบเรือคล้ายเรือสินค้าความยาวประมาณ 80 เมตร ลอยลำอยู่ใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลอ่าวไทย ซึ่งต่อมากองทัพเรือภาค 2 ได้เข้าตรวจสอบพบว่าเรือลำดังกล่าวมีสภาพทรุดโทรม ไม่มีลูกเรือ ไม่มีสินค้าในระวาง ถูกตัดโซ่สมอเรือออก มีการลบชื่อเรือและหมายเลขเรือ ภายในสะพานเดินเรือมีการถอดอุปกรณ์สำคัญรวมทั้งเรดาห์ออกไปแล้ว

เจ้าหน้าที่ได้ทำการสูบน้ำที่ท่วมอยู่ภายในลำเรือ และพยามยามลากเรือเข้าฝั่ง โดยกองทัพเรือภาค ได้ส่ง เรือหลวง ตาปี เข้าปฏิบัติการร่วมกับเรือ ต.113

อย่างไรก็ตามระหว่างการพยายามลากเรือลำดังกล่าวเข้าฝั่ง พบว่ามีน้ำเข้าทางตะเข็บเรือจนทำให้เรือจมลง เมื่อคืน วันที่ 8 ม.ค.65 ห่างจาก ชายฝั่ง อ.สิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ราว28ไมล์ทะเล

รายงานข่าวระบุว่า กองทัพเรือภาค2 คาดว่า เรือลำดังกล่าวไม่ได้ถูกปล้น แต่ตั้งใจทิ้งไว้กลางทะเล เนื่องจากมีการพยายามลบหมายเลขเรือ จัดโซ่สมอ และถอดอุปกรณ์สำคัญและเรดาห์บนสะพานเดินเรือออกไปแล้ว

จากการตรวจสอบชื่อเรือ Fin Shui Yeun2 ไม่มีในประวัติ เรือที่แจ้งถูกปล้น รวมทั้งไม่มีชื่อเรือในระบบ คาดว่า อาจเป็นเรือจากแถวเวียดนาม หรือ น่านน้ำกัมพูชา ที่ตั้งใจจะทิ้ง

พล.ร.ต สุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รอง ผอ.ศรชล. ภาค 2 กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (8 ม.ค.65) กองทัพเรือภาค 2 และศรชล.ภาค 2 ได้ชักลากจูงเรือจากพิกัดที่พบเรือ มุ่งหน้าปากน้ำตาปี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และเมื่อมาถึงบริเวณ พื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากฝั่ง 28 ไมล์ทะเล ที่มีระดับน้ำลึกประมาณ 28 เมตรโดยสภาวะคลื่นลมแรง ทำให้เรือลำดังกล่าวจมลง

พล.ร.ต สุรศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดให้เรือหลวงตาปี และเรือจำนวนหนึ่งเฝ้าพิกัด โดยประสานกองทัพเรือ และเจ้าท่าจังหวัดนครศรีธรรมราช ประกาศเป็นพื้นที่เรือจม เพื่อให้ชาวประมงระมัดระวังในการเดินเรือ และขณะนี้เกิดคราบน้ำมันบริเวณดังกล่าวแม้จะไม่มีปริมาณมาก แต่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกำลังเร่งขจัดคราบน้ำมัน ภายในระยะ 2-3 วันนี้

จากทิศทางลมและคลื่นอาจจะพัดพาคราบน้ำมันไปทางเกาะมัดสุม ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 30 ไมล์ทะเล จึงมีความจำเป็นต้องเร่งขจัดเพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยว และสภาพแวดล้อมโดยเร็วที่สุด ในส่วนของการเก็บกู้ซากเรือจากท้องทะเลจะดำเนินการหรือไม่ อยู่ระหว่างการประเมินถึงสภาพความพร้อมผลกระทบ และอื่นๆ อีกครั้ง