ชายหัวร้อนทำร้ายพนักงานขนส่งสินค้าแขนซ้ายลีบ

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เจ๊ม้อยv plus”โพสต์คลิปภาพ เหตุการณ์พนักงานขนส่งพัสดุของบริษัทขนส่งเอกชนรายหนึ่ง เดินกลับมาที่รถ ก่อนที่จะมีชายสวมหมวก สวมเสื้อแจ็คเก็ต กางเกงยีนขายาวเข้ามาทำร้ายร่างกาย พร้อมข้อความระบุว่า “#ตบพนักงานส่งของ เพราะได้ของช้า ถ้ายังใช้นิสัยเช่นนี้คงอยู่ร่วมสังคมไม่ได้ค่ะ ขอนแก่น น้องเค้าไปส่งของให้ดีๆ....ในวันหยุดปีใหม่เค้าก้อยังอุตส่าห์มาส่งของให้ไม่ได้หยุดงานเลย.......ไม่พอใจอะไรก้อน่าจะพูดจากันดีๆ....นี่ด่าๆๆๆๆ.....แถมลงไม้ลงมือแบบสุดแรง......แล้วที่สำคัญน้องเค้าก้อเป็นคนร่างกายไม่สมบูรณ์ด้วย.........ภูมิใจเนาะ..รังแกคนที่อ่อนแอกว่าได้นี่...น้องไปแจ้งความแล้วค่ะ..แต่คงไม่มีฟีดแบ็กอะไรกลับมาหรอก......เลยต้องมาขอความเป็นธรรมทางนี้ค่ะ..เห็นบอกว่าทำงานในหน่วยงานมีสีด้วย..น่าเศร้าจริงๆ”

เวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์คลิปภาพ โดยน.ส.ปารณีย์ อินทรพัน อายุ 45 ปี พี่สาวของนายชัยฤทธิ์ สิทธิชัย พนักงานส่งของที่ถูกทำร้าย ล่าวว่า หลังเกิดเหตุน้องชายซึ่งพิการแขนซ้ายลีบมาตั้งแต่กำเนิด ได้มาเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.65ซึ่งน้องชายทำงานส่งของให้ลูกค้าตามปกติ โดยในวันดังกล่าวชายที่ก่อเหตุได้โทรศัพท์เร่งเอาของจากน้องชายตั้งแต่ 08.30 น. ซึ่งน้องชายเริ่มงานตามตารางเวลา 09.30 น. และเส้นทางการส่งของของชายดังกล่าวก็เป็นเส้นทางที่จะวิ่งส่งในช่วงบ่าย แต่ชายคนดังกล่าวโทรหาอย่างต่อเนื่องและเร่งจะเอาสิ่งของให้ได้จนมีปากเสียงกันทางโทรศัพท์ พร้อมทั้งโทรไปที่ออฟฟิศโดยออฟฟิศได้นัดให้ทั้งคู่มารับส่งของที่ปั๊มน้ำมัน

"ชายดังกล่าวทำตัวลักษณะกร่างสวมเสื้อเกี่ยวกับศาลและหน้ารถที่ขับมามีตราโล่ศาล ลงมาด่าน้องชายสารพัด ก่อนจะทำร้ายร่างกาย ซึ่งหลังเกิดเหตุน้องชายได้ขอภาพจากกล้องวงจรปิด และภาพรถรวมทั้งภาพชายดังกล่าวที่เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า รู้ตัวคนที่ทำร้ายแล้วและนัดให้มาไกล่เกลี่ยที่ สภ.เมืองขอนแก่นในสัปดาห์หน้า"

น.ส.ปารณีย์ กล่าวต่ออีกว่า ต้องดูท่าทีฝ่ายคู่กรณีก่อนว่าจะมาในลักษณะอย่างไร เพราะน้องชายเองก็พิการแต่ก็ทำงานสุจริตหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว อย่างไรก็ตามขอฝากถึงลูกค้าที่สั่งของทุกๆคนว่าขอให้ใจเย็นและรอรับสิ่งของ เพราะพนักงานทุกคนำงานอย่างเต็มที่และมีขั้นตอนของการดำเนินงาน ซึ่งการจบเรื่องด้วยการใช้กำลังเป็นิส่งที่ไม่ถกต้อง จึงโพสต์ข้อความเพื่อเตือนภัยและเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนได้รับทราบ