posttoday

16 องค์กรภาคเอกชนประกาศจุดยืนหนุนการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา

15 พฤศจิกายน 2564

ภูเก็ต-ผู้แทน 16 องค์กรเอกชนเตรียมเข้ายื่นหนังสือถึงนายกฯพรุ่งนี้ประกาศจุดยืนหนุนการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาในพื้นที่แก้ปัญหาการจราจรสอดคล้องกับความต้องการของเมืองและรองรับงาน Word Specialised Expo 2028 

เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายเรวัต อารีรอบ นายกอบจ.ภูเก็ต นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต น.ส.เชิญพร กาญจนสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต นายนิพนธ์ เอกวานิช ประธานกรรมการบริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด และผู้แทนจาก 16 องค์กรเอกชนในจังหวัดภูเก็ต ร่วมแถลงจุดยืนของภาคเอกชน ภาคประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ มติ กรอ.จังหวัดภูเก็ต ในเรื่องข้อสรุปรถไฟฟ้ารางเบา หลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการระบบขนส่งมวลชนจ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา

นายปิยพงศ์ กล่าวว่า ในการประชุม ครม.สัญจร ที่จ.กระบี่ ในวันที่ 16 พ.ย.จะมีการนำเสนอข้อมูลที่ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Word Specialize Expo 2028 โดยเลือกใช้พื้นที่จ.ภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งมีเงื่อนไขการจัดงานจะต้องดูองค์ประกอบหลายด้าน ทั้งพื้นที่จัดงาน โครงสร้างพื้นฐาน ระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยสามารถรองรับการจัดงานระดับโลก ดังนั้น จ.ภูเก็ตได้วางแผนการจัดงานโดยใช้พื้นที่ต.ไม้ขาวที่เป็นศูนย์สุขภาพอันดามันเป็นพื้นที่จัดงาน ส่วนระบบการขนส่งรถไฟรางเบา ถือเป็นโครงการที่ดีและจะเกิดประโยชน์กับจ.ภูเก็ตเป็นอย่างมาก

16 องค์กรภาคเอกชนประกาศจุดยืนหนุนการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา

ด้าน นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การแถลงจุดยืนของ 16 องค์กรเอกชนในวันนี้เพื่อต้องการนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการจราจรในจ.ภูเก็ต ให้สอดคล้องกับความต้องการของเมือง การขอยื่น 3 ข้อ ตามมติของ 16 องค์กร คือ 1.ขอให้ดําเนินงานก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนจ.ภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง จำนวน 21 สถานี ระยะทาง 42 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จตามกำหนดที่ประกาศไว้ คือในเดือนธ.ค.2569 โดยไม่ต้องมีการบูรณาการร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา ก่อนการก่อสร้างถนนสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้

2.การคัดเลือกประเภทของระบบที่ภาคเอกชนทั้งหมด ยืนยันตามมติของกรอ.จังหวัดภูเก็ตมาโดยตลอด ว่า จ.ภูเก็ตมีความต้องการรถไฟฟ้าชนิดล้อเหล็ก เนื่องจากเป็นประเภทที่มีผู้ผลิตมาแล้วหลายประเทศและมีหลายบริษัทรองรับ มีประสบการณ์กับการดำเนินการมาแล้วทั่วโลก และจากการศึกษาพบว่ามีความเหมาะสมกับจ.ภูเก็ต แต่หาก รฟม.ต้องการมติของภาคเอกชนในการเลือกระบบรถไฟฟ้าขอให้มานำเสนอข้อมูลให้มากกว่าทีนำเสนอก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะขอให้แจงถึงข้อดี ข้อด้อยทางเทคนิค เพื่อนำมาเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจน แต่หาก รฟม.จะตัดสินใจเลือกระบบรถไฟฟ้าเองทั้งหมด ก็สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานของรัฐสามารถตัดสินใจได้เลย และ 3.การเสนอให้ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดงาน Word Specialize Expo ในเดือนมี.ค.-พ.ค.2571 หรือในอีก 7 ปีข้างหน้า จ.ภูเก็ตอยากให้มีรถไฟฟ้าเฟส 2 ที่ดำเนินการไปพร้อมกับเฟสแรก เพื่อให้ทันใช้งานในธ.ค. 2569 ตามแผนเดิมที่มีมติ ครม.มาแล้วเมื่อปี 2563

ทั้งนี้ การดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้วเสร็จตามกำหนดเวลาจะเป็นประโยชน์ต่อเนื่อง ทั้งการรองรับการลงทุนและการจัดงาน Word Specialize Expo ตั้งแต่หัวเกาะไปจนสถานีท่านุ่น จ.พังงา พร้อมกับมีสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเปิดในช่วงเวลาเดียวกัน จะยิ่งทำให้ความคุ้มค่าในการลงทุนเป็นอย่างมาก คาดว่ารายได้ที่เกิดจากงาน Word Specialize Expo จะมีมากกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท และ 16 องค์กรเอกชนจ.ภูเก็ต จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รมว.คมนาคม และ รฟม.ในคราวประชุม ครม.สัญจร ที่จ.กระบี่ เพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าว

ด้าน น.ส.เชิญพร กาญจนสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ภาคเอกชนร่วมผลักดันกับชาวภูเก็ตในเรื่องรถไฟรางเบาเป็นเวลากว่า 20 ปี ตอนนี้จะเป็นระบบใดไม่ขอเลือกแล้วขอให้เกิดเร็วที่สุด มีความปลอดภัยความคุ้มค่าของเงินที่นำมาใช้ให้มากที่สุด

ขณะที่ นายเรวัต อารีรอบ นายกอบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ระบบขนส่งมวลชน หรือรถไฟฟ้า เป็นสิ่งที่เราต้องการมานาน เพราะว่า ปัญหาหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวมาภูเก็ตน้อยลงคือปัญหาการจราจร ทางรัฐบาลมอบให้กระทรวงคมนาคม โดย สนข.เป็นผู้ออกแบบ ในอดีตออกแบบเป็นระบบราง 22 สถานี และเพิ่งทราบเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2564 ว่า รฟม.จะเปลี่ยนแบบเป็นล้อยาง ซึ่งการเปลี่ยนจากล้อรางเป็นล้อยางมีความแตกต่างมูลค่าการลงทุน แต่อยากฝากทางรฟม.ให้เป็นผู้คิดว่าจะเอาล้อยางหรือล้อรางก็อย่าให้เป็นภาระของคนภูเก็ต