posttoday

สภาเมืองพัทยาผ่านงบ200ล้านเช่าเหมาเอกชนทำกล้อง CCTV

13 พฤศจิกายน 2564

เมืองพัทยา-สภาเมืองพัทยาชุดใหม่ผ่านฉลุยงบ200 ล้านผูกพัน 3 ปีเช่าเหมาเอกชนทำระบบกล้อง CCTV ตั้งธง TOR ต้องใช้งานได้เกิน 95 %

จากกรณีที่เกิดปัญหาทางการเมืองมาจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของสมาชิกสภาเมืองพัทยาชุดที่ผ่านมา จนสุดท้ายมีสมาชิกสภาฯจำนวน 4 ราย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งโดยไม่แจ้งเหตุผล ส่งผลให้สมาชิกสภาฯที่เหลืออีก 4 ราย ต้องหมดวาระการทำหน้าที่ลงเนื่องจากมีจำนวนสมาชิกสภาเมืองพัทยาไม่ถึงกึ่งหนึ่งตามที่กฎหมายกำหนดไว้

กระทั่งต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้ออกหนังสือคำสั่งประกาศของคณะ กรรมการสรรหาแต่งตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น ฉบับที่ 1/2564 เรื่อง การแต่งตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาเป็นการชั่ว คราว โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 6 แห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 85/2557 เรื่องการได้ มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นการชั่วคราว จึงแต่งตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาจำนวน 12 คน แต่มีการลาออกไป 1 คน ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จะเรียกประชุมเพื่อทำการแต่งตั้งไปเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น

สภาเมืองพัทยาผ่านงบ200ล้านเช่าเหมาเอกชนทำกล้อง CCTV

ล่าสุดได้มีการเรียกประชุมสภาเมืองพัทยาชุดใหม่นัดแรกในสมัยสามัญ สมัยที่หนึ่ง ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ. 2564 ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมี นายสิทธิพร ครุฑนาค ทำหน้าที่เป็นประธานสภาเมืองพัทยา พร้อมด้วยนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ฝ่ายบริหารเมืองพัทยา และคณะสมาชิกสภาเมืองพัทยาที่ได้รับการแต่งใหม่จำนวน 11 คน ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเข้าร่วม

ในการนี้ นายบรรลือ กุลละวณิชย์ รองนายกเมืองพัทยา ได้เสนอญัตติขอความเห็นชอบในการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเกินกว่าหนึ่งปีงบประมาณ ของสำนักยุทธศาสตร์และงบประมาณ ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฝ่ายสื่อสาร เพื่อดำเนินการโครงการจ้างเหมาเอกชน เพื่อให้บริการเช่าระบบกล้องวงจรปิดระยะ 36 เดือนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนกันยายน 2567 เป็นระยะเวลา 3 ปีงบประมาณจำ นวน 200 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดการยุบสภาฯและมีการแต่งตั้งสมาชิกขึ้นใหม่ตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยระบุว่าโครงการนี้ดำเนินการตามยุทธ ศาสตร์ชาติ 20 ปี ในด้านความมั่นคง ปลอดภัย อีกทั้งเมืองพัทยายังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยวของ EEC และมีการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องจัดเตรียมความพร้อมในด้านความปลอดภัย ในด้านเทคโนโลยี เพื่อการป้องปราบปรามที่มีประสิทธิภาพ

ที่สำคัญที่ผ่านมาเมืองพัทยาต้องประสบกับปัญหาการทำงานของระบบกล้อง CCTV ที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุจากระบบมีความชำรุดเสียหายไม่สามารถตอบสนองด้านความปลอดภัยได้อย่างเต็มที่ จึงจำเป็นต้องจ้างเหมาเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและสนับสนุนเพื่อสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยว

สภาเมืองพัทยาผ่านงบ200ล้านเช่าเหมาเอกชนทำกล้อง CCTV

โดยเป็นโครงการจ้างเหมาเอกชนเพื่อให้บริการเช่าระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดนั้น มีระยะเวลา 36 เดือน รวมดำเนินการปรับเปลี่ยนกล้องที่ชำรุดและหมดสภาพจำนวน 940 ชุด ในวงเงินตลอดสัญญาเป็นเงิน 200 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณปี 65 จำนวน 30 ล้านบาท, ปีงบประมาณปี 66 จำนวน 80 ล้านบาท และ ปีงบประมาณปี 67 จำนวน 90 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งเป็นโครงการที่จะมาช่วยเสริมศักยภาพความเป็นเมืองดิจิตอลแห่ง EEC และเป็นการเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันเหตุในการ ช่วยเป็นหูเป็นตา เพื่อสร้างความอุ่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา

ด้านนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวเสริมว่าสำหรับเมืองพัทยาได้จัดทำระบบกล้อง CCTV มาตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน โดยมีจำนวนกล้องรวมทั้งสิ้น 2,418 จุด แต่ทั้งนี้พบว่าส่วนใหญ่กล้องต้องหมดสภาพลงด้วยอายุการใช้งานที่เกินกว่า 7 ปีซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานที่รัฐกำหนด ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงทำให้ไม่สามรถใช้ใช้ประโยชน์จากระบบได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากการสำรวจพบว่าปัจจุบันสามารถใช้งานกล้องได้เพียงในสัดส่วน 43.8 % เท่านั้น ซึ่งหากจะดำเนินการซ่อมแซมหรือจัดซื้อก็ต้องดำเนินการตามระเบียบคุรุภัณฑ์ซึ่งล่าช้าและกว่าจะได้รับการอนุมัติเพื่อแก้ไขกล้องที่เสียหาย ก็จะทำให้กล้องชุดอื่นเสียหายไปเรื่อยๆ

สภาเมืองพัทยาผ่านงบ200ล้านเช่าเหมาเอกชนทำกล้อง CCTV

กรณีนี้สมัย นายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นนายกเมืองพัทยา ในช่วงระหว่างปี 2557-2559 เมืองพัทยาได้ดำเนินการว่าจ้างภาคเอกชนให้เข้ามาดูแลและซ่อมแซมระบบกล้อง โดยมีข้อสัญญาที่จะต้องใช้งานได้เกินกว่า 95 % กระทั่งมีการทักท้วงในโครงการจ้างเหมาดังกล่าวจนต้องยกเลิกไปในปี 2560 จากนั้นมาก็ทำให้ระบบกล้องเริ่มเกิดความเสียหายและไม่สามารใช้งานได้ตามปกติ ทั้งเรื่องของกล้องที่ใช้งานมานาน หรือระบบสายFiber Oftic ที่เมืองพัทยาขาดบุคลาการที่มีความชำนาญในการซ่อมแซมจนทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัญหาลักของเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ที่ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางทางด้านการลงทุน ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของ EEC

นายสนธยา กล่าวอีกว่าปัจจุบันเมืองพัทยาถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญ 3 ด้าน คือ 1.เมืองแห่งการกีฬา หรือ Sport City 2.เมืองท่องเที่ยวด้านสุขภาพ และ 3.เมืองแห่งการจัดประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติหรือ Mice City ดังนั้นการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการ โดยโครงการนี้ในช่วงแรกจะมีการปรับเปลี่ยนกล้องที่มีปัญหาจำนวน 940 ชุด จากนั้นก็จะมีการปรับเปลี่ยนและแก้ไขกล้องทั้งหมดตามเทคโนโลยีที่มีการปรับเปลี่ยนจนครบทั้ง 2,418 จุด ในระยะเวลา 3 ปีตามสัญญาจ้าง ซึ่งจะต้องทำให้กล้องสามารถใช้งานได้ 95 % และหากมีความเสียหายก็จะต้องทำการซ่อมแซมแก้ไขให้ได้แล้วเสร็จในระยะเวลา 24 ชม.ตามการนำเสนอใหม่ของสภาเมืองพัทยาร้องให้มีการแก้ไขตาม TOR ที่ระบุไว้แต่เดิมในเวลา 72 ชม. จนกระทั่งครบสัญญา 3 ปีก็จะมีการถ่ายโอนระบบกล้องทั้งหมดให้เป็นทรัพย์สินของเมืองพัทยา แต่จะมีการจ้างเหมาให้เอกชนเข้ามาดูแลระบบต่อเนื่องอีก 3 ปีในงบประมาณปีละ 15 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้จะทำให้เมืองพัทยามีความพร้อมและศักยภาพในการดูแลด้านความปลอดภัยสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง ร่วมกับการพัฒนาในด้านอื่นๆที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ที่ประชุมสภาเมืองพัทยาสมาชิกทั้งหมดมีมติเห็นชอบในญัตติขอความเห็นชอบในการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเกินกว่าหนึ่งปีงบประมาณ ของสำนักยุทธศาสตร์และงบประมาณ ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฝ่ายสื่อสาร เพื่อดำเนินการโครงการจ้างเหมาเอกชน เพื่อให้บริการเช่าระบบกล้องวงจรปิดระยะ 36 เดือนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนกันยายน 2567 เป็นระยะเวลา 3 ปีงบประมาณจำ นวน 200 ล้านบาทต่อไป.