posttoday

"จักษุแพทย์"เตือนอันตรายแสงเลเซอร์ พบพลาดยิงเข้าตาจนทำให้มองไม่เห็น

04 ตุลาคม 2564

"จักษุแพทย์"เตือนภัยอันตรายจากแสงเลเซอร์ หลังพบผู้ป่วยมารักษาเพราะใช้ยิงไล่นกแต่พลาดกดยิงเข้าตาตัวเองถึงขั้นมองไม่เห็น

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 นพ.ยิ่งพันธุ์ ธาราวัชรศาสตร์ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเตือนภัยระบุว่า พบผู้ป่วยรายหนึ่งใช้อุปกรณ์ยิงแสงเลเซอร์ไล่นกที่เกาะตามบ้าน แล้วเผลอกดยิงเข้าที่ดวงตาตัวเอง ทำให้มีอาการมองไม่เห็น บริเวณกลางภาพเป็นสีดำ เมื่อตรวจดูก็พบว่ามีจุดรับภาพบนดวงตาไหม้เป็นจุดสีขาว

ปัจจุบันเราพบว่าอุปกรณ์ยิงแสงเลเซอร์มีขายทั่วไปในท้องตลาด มีหลายสี หลายความเข้มข้นแสง

ส่วนมากมักใช้เป็น pointer ชี้บนจอภาพขณะบรรยาย , เอามาไล่นก , ส่วนเด็กๆ ก็ชอบซื้อมาเล่นกัน แกล้งยิงใส่กัน ยิงใส่ตากัน ส่วนสถานบันเทิงหรือคอนเสิร์ท ก็ใช้เลเซอร์ในการแสดงให้ดูสวยงามน่าตื่นเต้น

จักษุแพทย์พยายามเน้นย้ำเสมอว่าแสงเลเซอร์เหล่านี้มีอันตรายต่อดวงตา อาจทำให้จอประสาทตาบวม มีเลือดออก เกิดรูรั่ว หรือรอยไหม้ที่ทำให้ตามัวถาวร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นแสง ความเข้มข้นแสง ระยะเวลาที่ได้รับแสง และตำแหน่งที่แสงเลเซอร์ยิงเข้าในดวงตา

The American National Standards Institute จำแนกแสงเลเซอร์เป็น 4 ระดับ เช่น แสงสีส้มแดง ไม่เกิน 1mWเป็น class II

แสงสีเขียวน้ำเงิน ไม่เกิน 5mWเป็นclass III

ซึ่งแสงเลเซอร์ใน class3 และ 4 ถือว่ามีอันตรายรุนแรงต่อดวงตาและผิวหนัง

สำหรับเคสนี้เป็นเลเซอร์สีเขียวความเข้มข้นสูง class III ทำให้เกิดจุดไหม้บริเวณกลางจุดรับภาพพอดี ทำให้ตามัวค่อนข้างมาก หากเป็นไปได้ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีแสงเลเซอร์ หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์เลเซอร์เหล่านี้ โดยเฉพาะเด็กๆ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ และเคสแบบนี้มีจำนวนไม่น้อยเลยครับ

นพ.ยิ่งพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ป่วยที่มารักษานั้นมีอาการตามัวที่ดวงตาข้างซ้าย มีประวัติเกี่ยวกับการใช้เลเซอร์ยิงไล่นก แต่เผลอไปกดยิงถูกดวงตาได้ประมาณ 2 วันแล้ว ทำให้มีอาการตามัวข้างซ้ายมองอะไรไม่เห็นเลย โดยเฉพาะบริเวณกลางภาพที่เพ่งมอง เมื่อทำการตรวจจอประสาทตาพบว่ามีจุดสีขาว คือ รอยไหม้เนื่องจากเลเซอร์ยิงเข้าที่จอประสาทตา ซึ่งเป็นจุดรับภาพที่สำคัญที่สุดในจอประสาทตา อาการค่อนข้างรุนแรงเนื่องจากผู้ป่วยมองอะไรไม่เห็นเลยในส่วนของกลางภาพ

หลังจากนี้ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและตรวจดูว่ามีการอักเสบหรือบวมของจอประสาทตามากน้อยแค่ไหน ในเมืองไทยจะพบเจอเคสผู้ป่วยลักษณะเช่นนี้ไม่ค่อยบ่อยนัก ส่วนใหญ่ที่พบจะมีอาการแสบดวงตานิดหน่อย แต่เคสที่หนักแบบนี้เพิ่งพบเป็นครั้งแรก

ส่วนเลเซอร์ที่วางขายตามตลาดนัดทั่วไปนั้นมีความเข้มของแสงหลากหลาย ถ้าเลเซอร์ที่มีกำลังมากกว่า 5 ไมโครวัตต์ ถือว่าค่อนข้างรุนแรงอันตรายมากๆ เมื่อยิงถูกดวงตาอาจจะทำให้เกิดความเสียหายถาวรกับจอประสาทตาได้

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นแสงเลเซอร์ความเข้มข้นเท่าไร จักษุแพทย์แนะนำว่าไม่ควรมองเลเซอร์ทุกชนิดไม่ว่าความเข้มข้นจะน้อยหรือมากเท่าไรก็ตาม จึงอยากจะฝากเตือนประชาชนทั่วไปหากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ควรใช้เลเซอร์ในชีวิตประจำวัน ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือทำงานในโรงงานที่เกี่ยวข้องกับเลเซอร์ควรใส่แว่นที่มีคุณสมบัติพิเศษเพื่อป้องกันแสงเลเซอร์ได้