ขอนแก่นสั่งปิดโรงเรียนในอ.ชุมแพ14วันสกัดโควิด-19

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย น.พ.สมชายโชติ์  ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น,นายศุภชัย ลีเขาสูง ปลัดจังหวัดขอนแก่น และ พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลาง จ.ขอนแก่น

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดได้รับการประสานงานจากสถานศึกษาในพื้นที่ อ.ชุมแพ ในการขอปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 14 วัน หลังพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จาก จ.ชัยภูมิ มาใช้บริการในพื้นที่ ขณะนี้ฝ่ายสาธารณสุข ได้ประสานการทำงานร่วมกันเป็นทีม ทำให้ทีมสอบสวนโรคนั้นได้เข้าทำการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายตามมาตรการที่กำหนด โดยแยกการทำงานในการสอบสวนโรคของผู้ป่วยทั้ง 2 รายอบ่างชัดเจน ทุกข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากประชาชนนั้นถือเป็นประโยชน์อย่างมากและผู้ป่วยเองก็แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เข้ารับการตรวจคัดกรอง มีการกักตัวของคนใกล้ชิดและให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จึงทำให้เราสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ จังหวัดเตรียมพิจารณาจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หากสถานการณ์ต่างๆเปลี่ยนแปลงไปเพื่อจะประเมินสถานการณ์และรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทัน รวมทั้งการจัดเตรีมสถานที่กักกันของรัฐในทุกอำเภอ เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่เพื่อเตรียมการรับมือในด้านต่างๆอย่างเต็มที่และพร้อมต่อสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งการเตรียมการต่างๆนั้นเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด เนื่องจากขณะนี้จ.ขอนแก่นมีการยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 1 รายเป็นหญิง อายุ 24 ปี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์ รพ.ขอนแก่น อย่างใกล้ชิดและอาการดีขึ้นตามลำดับ ตามแนวทางการรักษาของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือภาวะความเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ทีมจิตแพทย์ได้เข้าไปดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จังหวัดได้ยกระดับมาตาการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในภาพรวมอย่างเข้มงวด โดยจะมีการตรวจติดตามสถานการณ์และประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน เพื่อที่จะแจ้งเตือนประชาชนและบังคับใช้ข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง การประชุมวันนี้มีการเน้นย้ำในการตรวจติดามสถานการณ์ในกลุ่มสถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าว ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ และรับจ้างทั่วไป ซึ่งแรงงานจังหวัดจะสนธิกำลังร่วมฝ่ายสาธารณสุข,ตม,และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่สุ่มตรวจสถานประกอบการต่างๆอย่างเข้มงวดและละเอียดมากขึ้นเพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงานและการลักลอบเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าวตามมาตรการคุมเข้มความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่สถานประกอบการยังคงสามารถดำเนินกิจการต่างๆต่อไปได้แต่ต้องปฎิบัติตามระเบียบและข้อบังคับต่างๆที่กำหนด ซึ่งฝ่ายสาธารสุขจะต้องติดตามในมาตรการเข้มงวดด้านสาธารณสุขจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน