ปส.แถลงจับแก๊งยานรกทลายขุมทรัพย์ เปิดร้านขายของทุกอย่าง20บาทบังหน้า

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.63 พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส.,พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 บช.ปส.,พล.ต.ต.บัณฑิต ทิศาภาคผบก.สกส.บช.ปส.,พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ,นายกิตติพงศ์สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผู้แทนจากฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองร่วมแถลงผลจับกุมและยึดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญภายใต้แผน สยบไพรี63/16 ยุทธการทลายขุมทรัพย์จับแก๊งยานรก พร้อมเปิดปฏิบัติการ"เด็ดปีกภมรวิจิตร"

พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สนธิกำลังเข้าจับกุมในพื้นที่ 4 จังหวัด 30 เป้าหมาย คือจังหวัด เชียงใหม่ 22 เป้าหมาย, เชียงราย 1 เป้าหมาย, กรุงเทพ 1 เป้าหมายและประจวบคีรีขันธ์ อีก 6 เป้าหมาย ซึ่งที่อำเภอหัวหินได้มีการนำหมายศาลจังหวัดหัวหิน เข้าตรวจบ้านของนายสว่าง ภมรวิจิตร อายุ 55 ปี ,นางสาววันเพ็ญ สัตย์ธัญญากุล อายุ 33 ปี 2 สามีภรรยา พร้อมนายเฉลิมพล ภมรวิจิตร อายุ 34 ปี ,นายบรรลือ ภมรวิจิตร อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นลูกชาย และนายเผด็จแซ่ว่าง อายุ 45 ปี รวม 5 คน เนื่องจาก สืบทราบว่า นายสว่าง และนางวันเพ็ญ เป็นตัวการสำคัญการสั่งนำเข้ายาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ ลงมากระจายสู่ภาคใต้ พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการ ฯ พ.ศ.2534 ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน24 หลัง ,โฉนดที่ดิน จำนวน 12 ฉบับ ,อาคารพาณิชย์ จำนวน 5 คูหา ,รถยนต์ จำนวน22 คัน ,รถจักรยานยนต์ จำนวน 27 คัน ,บัญชีเงินฝาก จำนวน 52 บัญชี ,บัตรกดเงินสดจำนวน 5 ใบ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาท

พล.ต.ท.วิสนุ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มผู้ขนยาเสพติดที่ถูกจับก่อนหน้านี้ที่จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมยาบ้า กว่า 5 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม2563 ต่อมาได้ขยายผลพบเส้นทางการโอนเงินและติดต่อทางโทรศัพท์ ระหว่างนางวันเพ็ญ และนายสว่าง สามีเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้งที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ผันตัวมาทำหน้าที่คล้ายโบรกเกอร์ สั่งยาเสพติด เเละจัดหาทีมขนลำเลียงยาเพราะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี

2 ปีก่อนหน้านี้นายสว่างได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในพื้อนที่ อ.หัวหินจ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเปิดร้านขายของทุกอย่าง 20 บาทบังหน้า และร้านค้าอื่นๆอีกหลายแห่ง เคยถูกอายัดทรัพย์สินกว่า9ล้านบาทเมื่อปี2558 แต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิด ทรัพย์สินทั้งหมดจึงถูกคืนให้แต่ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรมนายสว่างเรื่อยมา กระทั่งพบมีเงินหมุนเวียนมากผิดปกติ นับเป็นจุดผิดสังเกต เพราะเงินถูกนำไปก่อสร้างอาคารกว่า45ล้านบาทจึงได้รวบรวมหลักฐานเพิ่มหลังจากพบความเชื่อมโยงการโอนเงินกับผู้ต้องหาค้ายาบ้า 5 ล้านเม็ดในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่านายสว่างมีทรัพย์สินจำนวนมาก ทั้ง บ้านหรูรวม 24 หลัง, อาคารพาณิชย์ 5 คูหา, โฉนดที่ดิน 12 แปลง, รถยนต์ 22 คัน และจักรยานยนต์ 27 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท โดยทรัพย์สินทั้งหมด มีการแบ่งชื่อผู้ครอบครอง เป็นเครือญาติ และภรรยาอีก 4 คน ของนายสว่าง