ชาวบ้านร้องผบช.ภ.4ตำรวจท้องที่ตั้งข้อหาเอื้อประโยชน์คนร้าย

เมื่อวันที่ 22ก.ค.63 นายปกาญจน์ นพศรี ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิประชาชน และต่อต้านความอยุติธรรม นำนายชัยพร น้อยเสนา อายุ 23 ปี และนายบุญถิ่น ชาชำนาญ อายุ 50 ปี เข้าร้องเรียนต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อขอความเป็นธรรมหลังไม่มั่นใจในขั้นตอนและกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบัวขาว อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด

นายชัยพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29มิ.ย.63 คนร้าย4คนโทรศัพท์ว่าจ้างรถยกไปยกรถของคนร้ายที่จอดเสียอยู่ริมถนน ใกล้ร้านปะยางรถยนต์ ต.โนนสวรรค์ อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ดตกลงค่ารถยกกันเป็นเงิน จำนวน 3,500 บาท แต่เมื่อไปถึงกลับถูกจ้วงแทงได้รับบาดเจ็บ และคนร้ายใช้ฝักมีดฟาดเข้าใบหน้าของนายบุญถิ่น ฟันหัก หลุดไป 4 ซี่ ก่อนที่นายบุญถิ่น จะตั้งสติวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากร้านปะยางรถยนต์ที่ที่ยังเปิดให้บริการอยู่จึงรอดชีวิตมาได้ ที่มาร้องเรียนเพราะพนักงานสอบสวนท้องที่ตั้งข้อกล่าวหากับคนร้ายในลักษณะเอื้อประโยชน์ไม่ยอมแสวงหาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเท่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะภาพกล้องวงจรปิดในฐานะที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ได้ไปขอภาพวงจรปิดจากร้านค้าก็พบรถของคนร้ายที่ช้ในการก่อเหตุครั้งนี้และได้มีการส่งมอบหลักฐานต่างๆให้กับทางเจ้าหน้าที่ทั้งหมดแล้ว

ขณะที่ นายปกาญจน์ กล่าวว่า หลังจากที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.บ้านบัวขาว อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด พนักงานสอบสวนกลับตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนดูจากพฤติกรรมของคนร้ายแล้วประสงค์จะเอาชีวิตและเหตุเกิดเวลากลางคืน คนร้ายมีการสร้างสถานการณ์มีการใช้อาวุธมีดซึ่งเป็นอาวุธที่สามารถทำร้ายถึงตายได้แต่มีการเข้าขัดขวางโดยผู้เสียหายที่ จนทำให้มีดหลุดมือไปยังมีการทำอันตรายให้กับผู้เสียหายอีกคน จนฟันหัก 4 ซี่ หากไม่หนีหลุดรอดมาหาคนช่วยได้ตนคิดว่าผู้เสียหายทั้งสองต้องถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน

ด้านร.ต.อ.อดิศร คูวัฒนากุล รอง สว.บช.ภ.4 ที่มารับเรื่องร้องทุกข์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้วและจะมีการสรุปเรื่องนำเรียน ผบช.ภ.4 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยเฉพาะกับการให้พนักงานสอบสวนได้รายงานชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน ก็จะทราบผล