ชาวประมงภูเก็ต จี้ คณะกก.องค์การสะพานปลา ลาออก รับผิดชอบบริหารงานผิดพลาด

เมื่อวันที่ 11 ก.ค.63 นายสมยศ วงศ์บุญยกุล นายกสมาคมชาวประมงภูเก็ต กล่าวว่า สมาคมชาวประมงภูเก็ต ได้ออกมารวมพลังกันเพื่อคัดค้านโครงการพัฒนาในพื้นที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต โดยแสดงจุดยืนเคลื่อนไหว ในการยื่นหนังสือแก่ทางจังหวัดภูเก็ตให้พิจารณาโครงการพัฒนาฯดังกล่าว

ต่อมา วันที่ 10 กรกฎาคม 2563 วันประวัติศาสตร์ของการรวมพลังชาวประมง ผู้ประกอบกิจการแพปลา ผู้ประกอบธุรกิจประมง ร่วมกับ ชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น ตัวแทนผู้นำท้องถิ่น สจ.สท.เขตพื้นที่ หมู่ที่ 1,3,4,7 ร่วมปกป้องคลองท่าจีน และพื้นที่ในตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตให้ปลอดมลพิษจากอุตสาหกรรมต่อเรือเหล็กของบริษัท มาร์ซัน จำกัด (มหาชน)? ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรัดดำเนินการ ในพื้นที่ริมคลองสองฝั่งและคลองท่าจีน ซึ่งเปรียบเสมือนหลอดเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต เป็นวิถีชีวิตการทำมาหากิน การสัญจรไปมาของเรือประมง เรือสินค้า เรือโดยสาร และเรือท่องเที่ยว

ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการอนุญาตก่อสร้างโครงการฯดังกล่าวต่ออุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต และ ยื่นหนังสือต่อ ส.ส.สิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฏร ให้รับทราบปัญหาความเดือดร้อน จากโครงการฯดังกล่าว

การรวมพลังของประชาชนในพื้นที่ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนในการคัดค้านโครงการพัฒนาที่ดินท่าเทียบเรือภูเก็ตจากนโยบายที่ผิดพลาดของคณะกรรม การองค์การสะพานปลา ที่ให้สิทธิ์ดำเนินการแก่บริษัทดังกล่าวในการก่อสร้างอู่ต่อเรือกลเดินสมุทร ซึ่งขัดต่อวัตถุ ประสงค์ของการจัดตั้งองค์การสะพานปลาภายใต้พรบ.จัดระเบียบกิจการแพปลา พ.ศ. 2496 อย่างสิ้นเชิง

"การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดครั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่โครงการฯจึงอยากให้คณะกรรมการองค์การสะพานปลาชุดดังกล่าวที่มีนายชวลิต ชูขจรเป็นประธาน เร่งแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะ ก่อนที่ประชาชน ผู้ประกอบกิจการแพปลาและผู้ประกอบธุรกิจประมงที่ได้รับผลกระทบจะดำเนินการฟ้องร้องต่อหน่วยงานยุติธรรมที่รับผิดชอบหรือขับไล่ให้พ้นไปจากองค์การสะพานปลา "นายสมยศ กล่าว ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวนอกจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออาชีพชาวประมง กิจการแพปลา การขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำ ธุรกิจและอุตสาหกรรมประมง รวมถึงการท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชีวอนามัย สุขภาพและวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของของประชาชนในพื้นที่โครงการและพื้นที่ข้างเคียง