posttoday

ภาคธุรกิจพัทยาแฉแก๊งงาบหัวคิวกักคนไทย14วันขอหัก40%

22 พฤษภาคม 2563

พัทยา-ภาคธุรกิจตั้งข้อสงสัยแก๊งงาบหัวคิว State Quarantineอ้างเป็นตัวแทนหน่วยงานรัฐติดต่อโรงแรมรับคนไทยกลับจากต่างแดนกักตัว 14 วัน รับค่าตอบแทน 1,000 / หัว /วัน แต่ขอหัก40 % ขอให้มีการตรวจสอบ

กรณีภาครัฐได้อนุมัติงบประมาณในการนำคนไทยจากต่างแดนเดินทางกลับมากักตัวในพื้นที่ๆกำหนดไว้หรือ State Quarantine ในระยะเวลา 14 วัน ซึ่งคาดว่าจะมีคนไทยเดินทางกลับมาจำนวนกว่า 7-8หมื่นคน พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำการคัดสรรสถานที่กักตัว อาทิ โรงแรมขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการรองรับ เพียงแต่ต้องผ่านมาตรฐานที่กำหนด อาทิ มีขนาดโรงแรมมากกว่า 200 ห้อง พื้นไม่ปูพรม มีแอร์แยกแต่ละห้องพัก และมีใบอนุญาตสถานประกอบการโรงแรมที่ผ่านมาในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และมีสถานประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ที่เข้าเกณฑ์มาตรฐานเป็นจำนวนมาก มีการกำหนดสถานประกอบการโรงแรมหลายแห่งใช้เป็น State Quarantine ไปแล้วกว่า 1 หมื่นห้อง

ล่าสุดตัวแทนองค์กรภาคธุรกิจท่องเที่ยวอย่าง สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่าปัจจุบันมีกลุ่มบุคคลซึ่งไม่ทราบว่ามาจากหน่วยงานใดเข้ามาประสานโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งในเมืองพัทยา พร้อมกล่าวอ้างว่าเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกโรงแรมให้ใช้เป็นสถานที่กักตัวคนไทยที่กลับจากต่างแดนหรือ State Quarantine ซึ่งหากโรงแรมยอมจ่ายเงินค่าดำเนินการให้ในอัตรา 40 % ของค่าหัวที่รัฐจ่ายให้รายละ 1,000 บาท/คน/วัน ก็จะประสานเพื่อให้ได้รับการคัดเลือก และจะทำให้สามารถได้รับเงินค่าใช้จ่ายจากรัฐฯ ซึ่งดีกว่าที่ต้องปิดกิจการและแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน

นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานรัฐถึงนโยบายดังกล่าว แต่โรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งมองว่าแม้จะได้ค่าใช้จ่ายรายหัวละ 1,000 บาท/วัน แลกกับอาหาร 3 มื้อ ค่าพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ การดูแลเรื่องของความสะอาด และอื่นๆตลอด 24 ชม.ทั้ง 14 วันก็คงไม่คุ้มค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว และหากเปิดรับก็จะทำให้โรงแรมเสียสิทธิ์ที่พนักงานจะได้รับเงินจากประกันสังคมที่รัฐจ่ายคืนให้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค โรงแรมส่วนใหญ่จึงไม่ได้เปิดรับ แต่ทางสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก หรือสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยาเองก็ส่งรายชื่อโรงแรมที่สนใจเข้าร่วมโครงการไปกว่า 20 แห่งแต่ก็ไม่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานอะไร แต่ก็พบว่ามีการนำคนไทยจากต่างแดนเข้าพักในโรงแรมหลายแห่งในเมืองพัทยา ซึ่งไม่ทราบได้ว่ามีการตรวจมาตรฐานอย่างไร

ที่สำคัญที่ผ่านมายังมีคนบางกลุ่มที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจากหน่วยงานรัฐไม่ทราบสังกัดใดพยายามเข้ามาติดต่อกับทางโรงแรม โดยแจ้งว่าจะพิจารณาให้โรงแรมผ่านมาตรฐานการจัดตั้งเป็น State Quarantine และจะได้ค่าใช้จ่ายค่าเข้าพัก 1,000 บาท/คน/วัน โดยหากได้รับงบประมาณตามจำนวนผู้เข้าพักก็ให้ออกใบเสร็จค่าใช้จ่ายตามหัวที่ระบุ แต่หลังรับเงินให้หักค่าดำเนินการหรือหัวคิวให้ผู้ประสานด้วยในอัตรา 40 % หรือง่ายๆคือสุดท้ายทางโรงแรมจะได้ค่าใช้จ่ายต่อหัวเพียง 600 /คน/วัน ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้และไม่คุ้มค่าใช้จ่ายจึงได้ตอบปฏิเสธไปแต่ก็ยังความพยายามเข้ามาติดต่อกันอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงมองว่าการกระทำแบบนี้รัฐทราบหรือมีการตรวจสอบหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องทั้งการหักหัวคิวในงบประมาณของรัฐซึ่งไม่ทราบว่ามีขบวนการกันอย่างไร และถือเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการอีกด้วย

ขณะที่นายเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่ามีกลุ่มคนลักษณะเดียวกันเข้ามาติดต่อและขอหักค่าพิจารณาเพื่อเสนอให้เป็น State Quarantine ในสัดส่วน 30-40% เช่นกัน แม้โรงแรมบางแห่งอาจไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดแต่ก็สามารถดำเนินการประสานงานให้ได้ โดยมองว่าการทำงานของคนกลุ่มนี้ทำงานกันเป็นทีมแต่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรคงไม่ทราบได้

ด้านนายสรรเพ็ชร ศุภบวรเสถียร ที่ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าวว่ามีโรงแรมในเครือที่ดูแลเป็นโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งที่ผ่านมามีคนกลุ่มนี้เข้ามาติดต่อเช่นกันในหลายช่องทาง แต่ด้วยรา คาและแถมยังมีการหักค่าเงินอีกก็ได้ปฏิเสธไปเพราะมองว่าไม่คุ้มกับที่ต้องมาเปิดให้บริการแบบครบวงจรขณะ ที่ได้รับค่าตอบแทนเพียงหัวละ 600-700 บาทเท่านั้น

นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร ที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่าเรื่องนี้อยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามาทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างจริงจังด้วยว่าเป็นคนกลุ่มใด มีขบวนการทำ งานอย่างไรเพราะถือว่าเกิดความเสียหายต่อภาครัฐและงบประมาณเป็นอย่างมาก เพราะเท่าที่ทราบมาคาดว่าจะมีคนไทยที่กลับจากต่างแดนที่ต้องถูกนำมากักตัวอีกกว่า 7-8 หมื่นราย หากคิดค่าหัวรายละ 1,000 ต่อวันรวม 14 วัน แล้วมีขบวนการในลักษณะนี้ซึ่งคาดว่าอาจทำให้รัฐเสียหายจากเงินที่หมุนเวียนในวงจรนี้นับร้อยล้านทีเดียว..