เปิดใจสามีเหยื่อรถขนกัญชาชนภรรยาลูกดับ "ผมสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่" จี้สตช.รับผิดชอบ

นครพนม-สามีเหยื่อรถขนกัญชาชนภรรยาลูกดับ จี้สตช.รับผิดชอบเพราะถือเป็นต้นเหตุแห่งความสูญเสีย เผยไม่คาดหวังฟ้องร้องเอาผิดกับคนขับขนกัญชา

เมื่อวันที่ 20ธ.ค.62 กรณีเกิดเหตุ ขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติขับรถยนต์ หลบหนีตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ไปตามเส้นทางเลียบแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนม และเกิดอุบัติเหตุเสียหลักชนรถจักรยานยนต์ สองแม่ลูกที่ขับอยู่ในเส้นทางดังกล่าว เยื้องจวนผุ้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นเหตุให้ นางสุรภา พิมพ์พานนท์ อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม พร้อมลูกชาย คือ เด็กชายธนภัทร์ พิมพ์พานนท์ อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 /2 โรงเรียนเทศบาล 4 นครพนม เสียชีวิตทั้งคู่

นายอัมพรชัย พิมพานนท์ หรือหนุ่ม อายุ 46 ปี ผู้เป็นสามีและพ่อของผู้เสียชีวิต ลูกจ้างชั่วคราวประจำหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) แผนกพนักงานโยธา เปิดเผยว่า ความสูญเสียของครอบครัวครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งยิ่งใหญ่ ชีวิตครอบครัวพังหมดเพราะมีลูกชายแค่สองคน คนโต อายุ 16 ปี ลูกชายที่เสียชีวิต คนที่ 2 อายุ 12 ขวบ ซึ่งเป็นความหวังของครอบครัว แต่มาโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุ ซ้ำร้ายภรรยาเสียชีวิตด้วย ยอมรับว่าการเสียชีวิตครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุทั่วไป หลายคนอาจมองได้ว่า เป็นอุบัติเหตุที่ห้ามไม่ได้ แต่ยังติดใจในเรื่องของต้นเหตุที่จะเกิดอุบัติเหตุ วันนี้จะยังทำใจไม่ได้ขอเพียงความเป็นธรรมกับครอบครัว หากตำรวจจะมองแค่อุบัติเหตุ และดำเนินคดีตามกฎหมาย เอาผิดกับผู้ต้องหาที่ขับรถก็ยอมรับในขั้นตอนของกฎหมาย

แต่ส่วนหนึ่งตามหลักข้อเท็จจริง อยากฝากให้ หน่วยงานเกี่ยวข้องรวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทบทวนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ควรจะแสดงความรับผิดชอบให้ครอบครัวได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ถามว่า การชดเชยเยียวยากี่ล้านก็ไม่คุ้มค่ากับการสูญเสีย แต่สุดท้ายจะให้ครอบครัวไปเรียกร้องเอาผิด เรียกร้องความเสียหายกับผู้ต้องหาฝ่ายเดียว ถือว่าไม่เป็นธรรม การสูญเสียครั้งนี้ ยืนยันว่า หากทางตำรวจ ไม่ได้ใส่ใจดูแล พิจารณาช่วยเหลือความสูญเสียครั้งนี้จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด

"เพราะหากจะสรุปคดีนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุ คนร้ายเข้าคุกก็เรียกร้องอะไรไม่ได้เลย อย่าลืมว่า ครอบครัว ภรรยาลูกยังมีอนาคต เป็นเสาหลักครอบครัว แต่หลังจากนี้ใครจะรับผิดชอบ เพราะต้นเหตุที่มาการเกิดอุบัติเหตุมีที่มาที่ไป อยากให้แสดงความรับผิดชอบ ดูแลช่วยเหลือครอบครัวมากกว่าการดำเนินคดีกับคนร้าย หากไม่เป็นธรรมกับตนขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด" นายอัมพรชัย กล่าว