posttoday

คุมตัวสาววัย29 แก๊งยาเผาทั้งเป็น"ป้าจอย"ทำแผน สลด!โอบกอดผัวป่วยโปลิโอร่ำไห้

13 ธันวาคม 2562

สงขลา-ตำรวจคุมตัว หญิงสาววัย 29 ปี หนึ่งในห้าผู้ต้องหาแก็งยาเสพติดที่ราดนำมันจุดไฟเผาป้าจอย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังถูกจับกุมได้เป็นคนที่สอง เจ้าตัวขอตำรวจไปพบแฟนหนุ่มป่วยเป็นโปลีโอทั้งคู่ร่ำไห้ อย่างน่าสงสาร

สงขลา-ตำรวจคุมตัว หญิงสาววัย 29 ปี หนึ่งในห้าผู้ต้องหาแก็งยาเสพติดที่ราดนำมันจุดไฟเผาป้าจอย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังถูกจับกุมได้เป็นคนที่สอง เจ้าตัวขอตำรวจไปพบแฟนหนุ่มป่วยเป็นโปลีโอทั้งคู่ร่ำไห้ อย่างน่าสงสาร

ความคืบหน้าคดีแก็งยาเสพติด บ้านโคกเมา ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา รุมซ้อมและจุดไฟเผา นางมาลัย หรือป้าจอย เพราะไม่พอใจที่แอบนำยาไอซ์ 300 กรัม ไปละลายน้ำทิ้ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมาเหตุในขนำที่พักของป้าจอย

ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้งหมด 5 คน จับกุมได้แล้ว 2 คน คือ นายแบงค์ เยาวชนอายุ 17 ปี ซึ่งจับได้เป็นคนแรก และ น.ส.ภัทราพร อายุ 29 ปี หรือแก้ว ซึ่งถูกจับได้เป็นคนที่ 2 เมื่อวันที่ 12 ธค. หลังจากที่แอบกลับมาซ่อนตัวที่บ้าน ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับขนำเกิดเหตุ และยอมรับสารภาพว่า เป็นคนซื้อน้ำมันเบนซิน

ส่วนอีก 3 คน ยังหลบหนีมี นายส่อแหล๊ะ หรือแหล๊ะ อายุ 41 นาง จันทิรา อายุ 36 ปี หรือแอด ซึ่งเป็นผัวเมียกัน และเป็นเจ้าของยาไอซ์ และนายยงยุทธ อายุ 26 ปี หรือเป้ ซึ่งเป็นคนราดน้ำมันและจุดไฟเผา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. พ.ต.ท.สนิท สุดทองคง รอง ผกก. สอบสวน สภ.บางกล่ำ และ ร.ต.อ.สมชาย แซ่จิ๋ว รองสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี ได้ควบคุมตัว น.ส.ภัทราพร หรือแก้ว ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพรวม 4 จุด

จุดแรก เป็นบ้านลูกสาวของป้าจอย ที่บ้านเสือผ่าน หมู่15 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ ซึ่งแก้วและแบงค์ ไปรับตัวป้าจอยออกมา

จุดที่ 2 บนสะพานข้ามคลองรอหนึ่ง หมู่ 13 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ ซึ่งนำป้าจอย มาสอบถามเรื่องยาไอซ์ จุดที่ 3 ภายในขนำเกิดเหตุ ที่จุดน้ำมันราดไฟเผาป้าจอย และจุดที่ 4 เป็นจุดที่แก้วไปซื้อน้ำมันเบนซิน ใส่ขวดมาให้

โดยระหว่างที่ทำแผน น.ส.ภัทราพร หรือแก้ว ได้ขออนุญาตตำรวจมาพบกับสามีซึ่งป่วยเป็นโปลีโอแขนขาลีบมาแต่กำเนิด ซึ่งอยู่ที่บ้านใกล้กับขนำเกิดเหตุ และทั้ง 2 คน โผเข้ากอดกันและร่ำให้อย่างน่าสงสาร เพราะทั้งคู่รักกันมากและสาเหตุที่น.ส.ภัทราพร หรือแก้ว ต้องกลับมาที่บ้านจนถูกจับ ก็เพราะเป็นห่วงสามีที่ไม่มีใครดูแล

ด้าน บังอะ สามีของ น.ส.ภัทราพร หรือแก้ว กล่าวว่า ตอนเกิดเรื่องแก้วก็ทุบตีป้าจอยบ้าง แต่ตอนหลังช่วยห้าม และยังเป็นคนเอาน้ำไปดับไฟให้ป้าจอย

“อยากให้สังคมเข้าใจว่าใครเป็นคนทำและใครผิดใครถูก เพราะปรกติแก้วเป็นคนดีมาก อยู่กินและดูแลผมที่ป่วยเป็นโปลิโอมา 3 ปี และเป็นผู้หญิงคนที่สองรองจากแม่ที่ดีกับตนหลังจากนี้ไม่มีแก้ว ตนก็ลำบากแน่”

ด้าน นางฟาตีมะ ซึ่งเป็นญาติของกลุ่มผู้ต้องหารวมถึงป้าจอยซึ่งรู้จักกันดี กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ปกติก็เป็นคนดีช่วยเหลือญาติพี่น้อง และไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุว่าทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น และอยากให้ที่เหลือเข้ามอบตัว

คดีนี้จากคำให้การของน.ส.ภัทราพร หรือแก้ว ระบุว่า คนที่ราดน้ำมันและจุดไฟเผาป้ามาลัยคือ นายยงยุทธ หรือเป้เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นต่างตกใจ และช่วยกันดับไป

ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 3 คน ขณะนี้ตำรวจยังคงกดดันไล่ล่า เชื่อว่ายังกบดานอยู่ในพื้นที่ และน่าจะเข้ามอบตัวในเร็ว ๆ นี้ เพราะมีรายงานว่าเริ่มอยู่ยากและอยู่กันอย่างลำบาก เนื่องจากไม่มีเงิน และถูกกดดันจากตำรวจและสังคมอย่างหนัก