posttoday

ศาลปัตตานีคืนความเป็นธรรม 5 จำเลยคดีลอบบึ้มตู้ ATM ไม่เชื่อมโยงผู้ก่อเหตุ

29 พฤศจิกายน 2562

ปัตตานี-ศาลปัตตานีคืนความเป็นธรรม5จำเลยคดีลอบวางระเบิดตู้ ATM สาเหตุเจ้าหน้าที่นำสืบไม่พบความเชื่อมโยงกับจำเลยคนที่1 ซึ่งถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต  

ปัตตานี-ศาลปัตตานีคืนความเป็นธรรม5จำเลยคดีลอบวางระเบิดตู้ ATM สาเหตุเจ้าหน้าที่นำสืบไม่พบความเชื่อมโยงกับจำเลยคนที่1 ซึ่งถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต  

เมื่อวันที่ 29 พย.62 ความคืบหน้าคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีสั่งฟ้อง6ผู้ต้องหา เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดตู้ATM หลายแห่งในเขตเมืองปัตตานี เกิดเมื่อวันที่20พ.ค.62 ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 6 คน คดีหมายเลขดำที่3674/2561 ลงวันที่19พ.ย.61 ข้อหา”ร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตเพื่อให้เกิดความเสียหาย"

ล่าสุด นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมปัตตานี เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดปัตตานีได้คืนความเป็นธรรมให้กับ 5 ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง และพิพากษาให้ประหารชีวิตนายมะยูโซะ อาแซ อายุ29ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นซักถามและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ศาลจึงลดโทษ1ใน3 คงเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้จำคุกจำเลยทั้ง 6 คน ระหว่างอุทธรณ์

ศาลปัตตานีคืนความเป็นธรรม 5 จำเลยคดีลอบบึ้มตู้ ATM ไม่เชื่อมโยงผู้ก่อเหตุ อับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ

ส่วนประเด็นการต่อสู้คดี นายอับดุลกอฮาร์ เปิดเผยว่า จำเลยที่1 นายมะยูโซะ อาแซ ที่ถูกพิพากษาโทษประหารชีวิตและลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ได้ให้การรับสารภาพในชั้นซักถาม ระหว่างถูกควบคุมตัวที่ค่ายทหาร และให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนหลังถูกส่งตัวจากค่ายทหารมาดำเนินที่สภ.เมืองปัตตานี

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือทั้ง5คน ได้ให้การรับสารภาพในชั้นซักถามในค่ายทหาร และได้ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนหลังถูกส่งตัวจากค่ายทหารมาดำเนินคดีต่อที่สภ.เมืองปัตตานี และประสงค์ให้การต่อในชั้นศาล

"จากคำให้การของจำเลย สาเหตุที่ให้การรับสารภาพในศูนย์ซักถามที่ค่ายทหารเพราะกลัวจะมีอันตรายต่อร่างกาย มีการบังคับ ให้รับสารภาพ กรณีภาพที่ปรากฎในวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่นำมาให้ดูในระหว่างซักถาม ทั้งๆที่ไม่ใช่ภาพของตัวเอง ผู้ต้องหาทั้ง5คนจึงกล้าให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน และรับที่จะให้การในชั้นศาล เนื่องจากผู้ต้องหามั่นใจจะได้รับคืนความเป็นธรรมจากศาล"

นอกจากนั้นทางทนายได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จะการกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ว่าลูกความได้กระทำผิดล้วนมาจากภาพในวงจรปิดตามเส้นทางที่มุ่งสู่ประตูมัสยิดกลางปัตตานีที่ถูกอ้างจากพนักงานสืบสวนว่า”เป็นสถานที่ส่งมอบวัตถุระเบิดให้กับผู้ต้องหาเพื่อนำไปวางไว้จุดต่าง ๆ”แต่กลับถูกปฏิเสธภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณมัสยิดกลางจากพนักงานสอบสวน ทั้งๆที่ทางลูกความสามารถนำสืบได้ว่าภายในรอบมัสยิดกลางปัตตานีมีการติดตั้งกล้องวงจรรอบพื้นที่ จึงไม่ทราบว่าทำไมพนักงานสืบสวนที่รับผิดชอบคลี่คลายคดีนี้ไม่ยอมนำภาพในวงจรปิดจุดนี้มาพิสูจน์ในชั้นศาล ในเมื่อกล่าวหาว่าเป็นจุด”มอบระเบิดอีกด้วย”