รมว.พลังงานย้ำดีเดย์ 1 ม.ค.63 ใช้น้ำมันดีเซล B10 สำหรับประเทศไทย

สุราษฎร์ธานี-"สนธิรัตน์"ลั่น 1 ม.ค.63 ดีเดย์ใช้น้ำมันดีเซล B10 เป็นพื้นฐานสำหรับประเทศไทย หนึ่งในกลไกด้านพลังงานช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากช่วยเหลือชาวสวนปาล์ม คาดปี 63 เพิ่มใช้ไบโอดีเซล 7 ล้านลิตรต่อวัน

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่โรงแรมบรรจงบุรี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดแถลงนโยบายเดินหน้าส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B10 น้ำมันบนดินเพื่อเศรษฐกิจฐานรากว่า กระทรวงพลังงาน ดีเดย์ประกาศให้เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานสำหรับประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 เป็นหนึ่งในกลไกด้านพลังงานที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ประชาชนและชุมชน

ทั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพจากไบโอดีเซลที่ผลิตจากปาล์มน้ำมันมาผสมในเนื้อน้ำมันดีเซล ที่เป็นการนำจุดแข็งด้านผลผลิตการเกษตรของไทยมาช่วยสร้างเสถียรภาพราคาให้กับเกษตรกรทำให้ปาล์มน้ำมันไม่ติดปัญหาด้านราคาเหมือนที่ผ่านมา

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หากผลักดันการใช้น้ำมันดีเซล B10 สำเร็จจะทำให้การใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นราว 2.1 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์จากปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้มีปริมาณการใช้ไบโอดีเซล 5.15 ล้านลิตรต่อวัน จะเพิ่มเป็นประมาณ 7 ล้านลิตรต่อวันในปี 2563 โดยภาคพลังงานจะช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO)ได้ประมาณ 2 - 2.2 ล้านตันต่อปี และจะช่วยลดมลภาวะอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM 2.5)ด้วย

“ การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้สร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจเรื่องเสถียรภาพของราคาปาล์มน้ำมันให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลB10ได้มีส่วนช่วยให้ราคาปาล์มน้ำมันในตลาดได้ขยับขึ้นมากกว่า 4 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว ” รมว.พลังงานกล่าว

จากนั้น นายสนธิรัตน์ และผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ไปเยี่ยมชมกระบวนการผลิตไบโอดีเซล (B100) ของบริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัดที่ อ.ท่าฉาง โดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี และนายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานกรรมการบริหารบริษัท ให้การต้อนรับ ซึ่งโรงงานแห่งนี้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทนลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ และช่วยเพิ่มเสถียรภาพด้านราคาให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นจะสามารถปลูกและขายผลผลิตในราคาที่เหมาะสม