posttoday

ชาวบ้านลงขันสู้คดีถูกยึดที่ดินศาลากลางหมู่บ้านคืนจากกรมบังคับคดี

19 พฤศจิกายน 2562

สุรินทร์-ชาวบ้านร่วมบริจาคเงินคนละ 100 บาทจ้างทนายยื่นศาลเพิกถอนคำสั่งกรมบังคับคดียึดที่ดินซึ่งเป็นศาลากลางหมู่บ้านเหตุเจ้าของเดิมนำไปค้ำประกันซื้อรถยนต์ให้บุคคลอื่นและถูกตามมาสืบทรัพย์

สุรินทร์-ชาวบ้านร่วมบริจาคเงินคนละ 100 บาทจ้างทนายยื่นศาลเพิกถอนคำสั่งกรมบังคับคดียึดที่ดินซึ่งเป็นศาลากลางหมู่บ้านเหตุเจ้าของเดิมนำไปค้ำประกันซื้อรถยนต์ให้บุคคลอื่นและถูกตามมาสืบทรัพย์

เมื่อวันที่ 19พ.ย.62 ที่ศาลากลางประจำหมู่บ้านโนนสำราญ ม.12 ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ชาวบ้านได้ร่วมกันหารือเพื่อหาทางออก กรณีสำนักงานบังคับคดี จ.สุรินทร์ ติดประกาศเรื่องการยึดทรัพย์ ที่ดินโฉนดเลขที่ 10751 เลขที่ดิน 4 หน้าสำรวจ 4307 ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นศาลากลางประจำหมู่บ้าน โครงการร้านค้าชุมชนประชารัฐ กองทุนหมู่บ้านโนนสำราญ และโรงสีชุมชน อยู่ในพื้นที่เดียวกัน

ชาวบ้านลงขันสู้คดีถูกยึดที่ดินศาลากลางหมู่บ้านคืนจากกรมบังคับคดี

เดิมที่ดินนี้เดิมเป็นของนางอรุชา บุญญายิ่ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโนนสำราญ และเป็นสินสมรสกับสามีคือนายจำนง บุญญายิ่ง เสียชีวิตแล้ว ขายให้กับหมู่บ้านเมื่อปี 2552 ตกลงซื้อขายที่ดินกัน ระหว่างหมู่บ้านโนนสำราญกับเจ้าของที่ดินเดิม พื้นที่ 1 งาน 47 ตาวางวา ในราคา 1 แสน 3 หมื่นบาท ด้านหลังโฉนดที่ดินระบุไว้ว่า”ห้ามโอนภายใน 10 ปี ตามมาตรา 58 ทวิ ตามประมวลกฏหมายที่ดินนับตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.2552”

ชาวบ้านลงขันสู้คดีถูกยึดที่ดินศาลากลางหมู่บ้านคืนจากกรมบังคับคดี

ต่อมา เมื่อครบอายุ 10 ปี หมู่บ้านยังไม่มีการโอนที่ดิน เนื่องจากรอวังวัดและโอนที่ดินพร้อมกันกับที่ดินข้างเคียงที่ชาวบ้านบริจาคเพิ่มเติม แต่กลับพบว่ามีหนังสือประกาศมาปิดประกาศเรื่องการยึดที่ดินเพราะสำนักงานบังคับคดีได้มีการสืบทรัพย์พบว่าที่ดินนี้ นางอรุชาที่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เคยค้ำประกันรถยนต์ให้กับบุคคลที่รู้จักกัน ก่อนที่รถยนต์จะหายไป และได้มีการแจ้งความไว้ จากนั้น ธนาคารทิสโก้ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจนมีหนังสือประกาศเรื่องการยึดทรัพย์ที่ดินแปลงดังกล่าว ที่ยังเป็นชื่อเจ้าของเดิมและยังไม่ได้มีการโอนให้กับหมู่บ้านจนเกิดเรื่องดังกล่าว

ชาวบ้านลงขันสู้คดีถูกยึดที่ดินศาลากลางหมู่บ้านคืนจากกรมบังคับคดี

ทั้งนี้ ประชุมทั้งผู้นำหมู่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้านและชาวบ้าน ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นตรงกันว่า จะช่วยกันบริจาคเงินครัวเรือนละ 100 บาท เพื่อสมทบกันเป็นค่าจ้างทนายความในการดำเนินเรื่อง ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งค่าทนายและค่าดำเนินการต่างๆประมาณ 5 หมื่นบาท หากเงินไม่พอ ก็จะใช้เงินกองทุนหมู่บ้านและเงินจากกลุ่มออมทรัพย์ต่างๆมาช่วยสมทบไปก่อน และมอบหมายให้ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาล ให้ศาลมีความเมตตา ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินของหมู่บ้าน โดยได้ซื้อจากผู้ขายมากว่า 10 ปีแล้ว เพราะเป็นสถานที่ๆชาวบ้านใช้ประกอบกิจกรรมส่วนรวมและกิจการงานต่างๆของส่วนรวมมาโดยตลอด

นายไพโรจน์ ผิวงาม ผญบ.โนนสำราญ กล่าวว่า จะมอบหมายให้ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาล ให้ศาลมีความเมตตา ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินของหมู่บ้าน โดยได้ซื้อจากผู้ขายมากว่า 10 ปีแล้ว เพราะเป็นสถานที่ๆชาวบ้านใช้ประกอบกิจกรรมส่วนรวมและกิจการงานต่างๆของส่วนรวมมาโดยตลอด