วงการผ้าเหลืองฉาว! เร่งสอบเจ้าอาวาสวัดดังถูกกล่าวหาบังคับสามเณรอมนกเขา
กาญจนบุรี-พ่อสามเณรวัย 13 ปี พาลูกชายเข้าแจ้งความ หลังถูกเจ้าอาวาสวัดดังกักขังในกุฏิบังคับให้อมนกเขาจนสำเร็จความใคร่ ขณะที่พระลูกวัดเข้าช่วยเหลือพาหลบหนีกลับถูกทำร้ายร่างกาย
กาญจนบุรี- พ่อสามเณรวัย 13 ปี พาลูกชายเข้าแจ้งความ หลังถูกเจ้าอาวาสวัดดังกักขังในกุฏิบังคับให้อมนกเขาจนสำเร็จความใคร่ ขณะที่พระลูกวัดเข้าช่วยเหลือพาหลบหนีกลับถูกทำร้ายร่างกาย
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. นายพงษ์พิสุทธิ์ อายุ 33 ปี นำตัวสามเณรนัท นามสมมติ อายุ 13 ปี บุตรชายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี หลังสามเณรนัท ถูกพระครูสังฆรักษ์วินัย อินทวินโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม กักขังตัวให้อยู่แต่ในกุฏิของหลวงพ่อนาน 5 วัน ไม่ยอมให้ออกไปไหน ก่อนบังคับให้บีบนวด และอมอวัยวะเพศให้จนสำเร็จความใคร่ทุกวันจนสามเณรทนไม่ไหวต้องโทรบอกพ่อและพี่สาวให้ช่วยพาย้ายไปอยู่ที่วัดอื่นก่อนตัดสินใจนำหลักฐานเป็นข้อความแชทที่สามเณรเล่าเหตุการณ์ รวมถึงข้อความที่ทางเจ้าอาวาสส่งให้สามเณรเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายพงษ์พิสุทธิ์ เปิดเผยว่า ลูกชายมาบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค. 2562 กระทั่งเมื่อประมาณต้นเดือนก.ย.ลูกชายได้โทรศัพท์มาหาน้องสาวของตน บอกว่าอยากย้ายวัด ไม่อยากอยู่ที่วัดแห่งนี้ เมื่อน้องสาวเค้นถาม จึงทราบความจริงว่าลูกชายถูกเจ้าอาวาสล่วงละเมิดทางเพศ หลังทราบเรื่องตนได้บอกให้ลูกชายอดทนและพยายามรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนา ส่วนตนประสานกับพระในวัดเพื่อหาทางพาลูกชายไปอยู่ที่วัดอื่น กระทั่งล่าสุดสามารถพาลูกชายไปอยู่ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) อ.เมืองกาญจนบุรี ได้
ขณะที่ สามเณรนัท ได้เล่าเหตุการณ์ว่า หลวงพ่อมักจะเรียกให้ตนเข้าไปหาที่กุฏิ พร้อมบอกให้ช่วยบีบนวด ก่อนจะบังคับให้อมอวัยวะเพศจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งเป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง บางช่วงถูกหลวงพ่อบังคับให้อยู่แต่ในกุฏิไม่ให้ออกไปไหน หากออกไปก็จะถูกตี ด้วยความกลัวหลวงพ่อมีมีด และชอบบอกว่ามีปืนอยู่ในกุฏิ จึงไม่กล้าขัดขืน เมื่อมีโอกาสจึงพยายามโทรหาน้าสาวและโทรบอกพ่อ ให้ช่วยย้ายตนไปจำวัดที่วัดอื่น กระทั่งมีพระลูกวัดยื่นมือเข้าช่วยจนสามารถพาตนออกจากกุฏิหลวงพ่อและย้ายไปอยู่วัดอื่นได้สำเร็จ
ทั้งนี้ หลังเข้าแจ้งความแล้ว ตำรวจเตรียมนำตัวสามเณรไปสอบสวนหาข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี หากพบว่ามีมูลจะดำเนินการออกหมายเรียกเจ้าอาวาสให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณวัดอินทาราม (หนองขาว) ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้มีประชาชนที่ทราบข่าวกว่า 100 คน มีทั้งฝ่ายที่เชื่อและไม่เชื่อว่าได้เดินทางมารวมตัวกันที่ศาลาการเปรียญของวัด เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นโดยมี พระครูกาญจนสุตาคม เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง พระครูวิสิทกาญจนกิจ เจ้าคณะตำบลวังขนาย นายสมศักดิ์ สำมะโน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.สุวิทย์ ห่วงทอง ผกก.สภ.หนองขาว นายธีรภัทร สุจารีย์ ปลัดอำเภอท่าม่วง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เดินทางเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุย เบื้องต้นทาง พระครูสังฆรักษ์วินัย อินทวินโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยกล่าวว่า ไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศ สามเณรนัทอย่างที่ถูกกล่าวหา รวมทั้งไม่ได้ทำร้ายร่างกายและชักปืนข่มขู่พระนัทธี สิริจันโท พระลูกวัด ภายในพระอุโบสถของวัดอย่างที่ถูกกล่าวหา มีเพียงการต่อว่าและผลักอกพระนัทธี เนื่องจากไม่พอใจที่พระนัทธีหายออกไปจากวัดโดยไม่บอกกล่าวเท่านั้น
ด้าน พระนัทธี สิริจันโท อายุ 41 ปี พระลูกวัดอินทาราม ซึ่งเป็นผู้ที่ช่วยเหลือสามเณรนัท และเป็นผู้ที่ถูกเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ต่อว่าและทำร้ายร่างกายในพระอุโบสถกล่าวว่า สาเหตุที่ตนถูกทำร้ายมาจากการที่ตนช่วยเหลือสามเณรนัท ประกอบกับตนได้ติเตียนทางเจ้าอาวาสว่า ไม่ค่อยปฏิบัติกิจของสงฆ์ ทำให้ตนถูกเจ้าอาวาสทำร้ายร่างกาย โดยการเตะเข้าที่ไหล่ขวาจนล้มลง ก่อนที่เจ้าอาวาสจะเข้ามาเหยียบหน้าอกซ้ำและขึ้นมาตบและทุบตีตนที่บริเวณใบหน้าอีกหลายครั้ง ตนก็ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองขาว ไว้แล้วเช่นกัน และมารดาก็ได้มาช่วยขนย้ายออกจากวัดอินทาราม เพื่อไปจำวัดส้มใหญ่แทนเพื่อความปลอดภัย
ด้าน นายสมศักดิ์ สำมะโน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางเจ้าคณะตำบลจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งสองกรณีอย่างเร่งด่วน ส่วนในเรื่องของคดีความก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย