posttoday

"ประวิตร"ประชุมที่เชียงใหม่เตรียมพร้อมรับหมอกควัน9จังหวัดภาคเหนือ

10 ตุลาคม 2562

เชียงใหม่-พล.อ.ประวิตรสั่งทุกหน่วยทุ่มกำลังและทรัพยากรหยุดการเผาป่าและควบคุมไม่ให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ป้องกันปัญหาหมอกควันปี63

เชียงใหม่-พล.อ.ประวิตรสั่งทุกหน่วยทุ่มกำลังและทรัพยากรหยุดการเผาป่าและควบคุมไม่ให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ป้องกันปัญหาหมอกควันปี63

ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 โดยมี พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 9 จังหวัดคือ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอนและตาก ให้การต้อนรับและรับฟังการนำเสนอผลการถอดบทเรียนการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาพื้นที่ภาคเหนือในปี 2562 ที่ผ่านมา และการคาดการณ์สถานการณ์การเผาและปริมาณเชื้อเพลิง ตลอดจนแนวทางปฏิบัติทั้งการป้องกันและแก้ไข และการสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานต่างๆ ในปี 2563

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ เป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และอยู่ในความสนใจของประชาชน ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็วเพื่อปกป้องสุขภาพอนามัยของประชาชน ดังนั้นขอให้ทุกคนได้ทุ่มเทกำลังและทรัพยากร เพื่อหยุดการเผาและควบคุมไม่ให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ตลอดปี 2563 สำหรับแนวทางดำเนินการในปีนี้ กระทรวงมหาดไทยจะเป็น Single Command โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องติดตามสถานการณ์และบูรณาการสั่งการป้องกัน และควบคุมการเผาในจังหวัดอย่างเคร่งครัด หากฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ให้ประกาศห้ามเผาโดยทันที นอกจากนี้จะต้องจัดระเบียบการเผาอย่างเป็นระบบ ให้ทยอยเผาในปริมาณที่ฝุ่นละอองไม่เกินมาตรฐานและสั่งการไปถึงระดับตำบล โดยเฉพาะตำบลที่เสี่ยงเผาซ้ำซาก ให้นายอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ดูแลอย่างใกล้ชิด

ส่วนของกระทรวงกลาโหมจะสนับสนุนการลาดตระเวนและดับไฟทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศอย่างเต็มที่ และหารือในกรอบความร่วมมือคณะกรรมการชายแดน เพื่อให้ความร่วมมือ และกำชับให้ควบคุมการเผาบริเวณชายแดน อย่างเคร่งครัดด้วย สำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องลดจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ป่าให้เป็นศูนย์ ในระหว่าง วันที่ 15 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2563 พร้อมกับระดมกำลัง อุปกรณ์ เครื่องมือจากนอกพื้นที่ มาเสริมการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟป่า ไม่ให้เกิดการลุกลามของไฟจนไม่สามารถควบคุมได้ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือ และร่วมมือกับประเทศ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนตามกลไกอาเซียนอย่างจริงจัง ในส่วนกระทรวงคมนาคม ให้กวดขันไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ริมทางหลวงโดยเด็ดขาด สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เร่งเปลี่ยนพื้นที่เกษตรทั้งหมดใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ไปสู่การเป็นเกษตรปลอดการเผา ภายใน 3 ปี โดยกำกับให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์งดสนับสนุนผลผลิตทางการเกษตร ที่มาจากการบุกรุกป่าอย่างเด็ดขาดและเตรียมความพร้อมการทำฝนหลวง ในช่วงวิกฤติหมอกควัน

อย่างไรก็ตามขอให้ทุกหน่วยงาน สร้างความเป็นเอกภาพของข้อมูล เพื่อการสั่งการที่ถูกต้อง และลดความตื่นตระหนกของประชาชน โดยเผยแพร่ข้อมูลจุดความร้อน พื้นที่เกิดไฟไหม้ จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และข้อมูลคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ ที่สำคัญควรให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเชิงวิชาการที่ถูกต้อง ให้กับประชาชน โดยปรับรูปแบบการรายงานข้อมูล และสถานการณ์ให้น่าสนใจและเข้าถึงได้ง่าย เป็นชุดข้อมูลเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ตลอดจนสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการดำเนินงานของภาครัฐ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยงาน ให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น เพื่อให้ความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหามากขึ้นกว่าเดิม ควบคู่กับการเข้มงวดในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว