posttoday

ปิดคดีต่อสู้นานกว่า30ปีศาลฎีกาพิพากษาจำคุก"ชวน ภูเก้าล้วนบุกรุก"เกาะปอดะ"

10 กันยายน 2562

กระบี่-ศาลฎีกาพิพากษาคดีบุกรุก"เกาะปอดะ"สั่งจำคุกอดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และนักธุรกิชื่อดัง"ชวน ภูเก้าล้วน" 3 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา

กระบี่-ศาลฎีกาพิพากษาคดีบุกรุก"เกาะปอดะ"สั่งจำคุกอดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และนักธุรกิชื่อดัง"ชวน ภูเก้าล้วน" 3 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ศาลจังหวัดกระบี่ นายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ นายกสภาการศึกษาจังหวัดกระบี่และนักธุรกิจชื่อดัง เดินทางมาที่ศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฏีกาในคดีที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ฟ้องในข้อหา บุกรุกครองทำประโยชน์ในที่ดินบนเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เนื้อที่ 22 ไร่ ดำเนินการกั้นรั้วลวดหนามและก่อสร้างศาลาแปดเหลี่ยม โดยอ้างสิทธิ์ตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) โดยในคดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกคำร้อง นายชวน ชนะคดี ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.61 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษากลับให้นายชวนมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ และพ.ร.บ.อุทยานฯ และลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน โดยนายชวน ภูเก้าล้วน ได้ขอยื่นฎีกา ซึ่งศาลมีกำหนดอ่านคำพิพากษาในเช้าวันนี้

ทันทีที่นายชวน เดินทางมาถึงศาลจังหงวัดกระบี่ ได้มีการบรรดาญาติๆ และพนักงานโรงแรมกระบี่รีสอร์ท ได้นำช่อดอกไม้มามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ โดยนายชวนได้กล่าวขอบคุณทุกคนก่อนเดินขึ้นศาลเพื่อรอฟังคำพิพากษาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งก่อนหน้านี้นายชวนได้ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีความกังวลใดๆ แม้ว่าผลจะออกมาอย่างไร พร้อมน้อมรับคำตัดสิน

ล่าสุดศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก นายชวน ภูเก้าล้วน 3 ปี 6 เดือน โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา และให้บำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 30 ชั่วโมง จ่ายค่าปรับเพิ่มจาก 40,000 บาท เป็น 80,000 บาท

สำหรับคดีเกาะปอดะ นับเป็นคดีประวัติศาสตร์ของจังหวัดกระบี่ที่มีการต่อสู้คดีกันมายาวนานระยะเวลากว่า 30 ปี รวม 3 คดี โดยในคดีแรก ต่อสู้กันมา 3 ศาล กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นฝ่ายชนะ ศาลพิพากษาเพิกถอน นส.3ก. รวม พื้นที่ 51 ไร่ และขับไล่นายชวนพร้อมบริวารออกจากเกาะ

ส่วนคดีที่ 2 ที่นายชวน ภูเก้าล้วน เป็นโจทก์ฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายหลังทางอุทยานฯ เข้าไปรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างเอกสารสิทธิ์สค.1

และคดีที่ 3 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นตัดสินให้ นายชวน เป็นฝ่ายชนะ เพราะเชื่อว่าที่ดินดังกล่าวมีการทำประโยชน์มาก่อนจริง ก่อนที่ชั้นศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นฝ่ายชนะคดี เนื่องจากการพิสูจน์ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี 2510 ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์