ชาวบ้านเสนอ 4 แนวทางแก้ปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งอย่างถาวร

นครศรีธรรมราช-ชาวบ้านล้อมวงถกปัญหาป่าพรุควนเคร็ง โวยตกเป็นจำเลยสังคมเผาป่าพรุ จี้"บิ๊กตู่"รับฟังชาวบ้านไม่ใช่ฟังแต่เจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมข้อเสนอ 4 แนวทางแก้ไขปัญหายั่งยืน

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.กลุ่มชาวบ้านป่าพรุควนเคร็ง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม จิบน้ำชา -เสวนา “มุมเมืองคอน มองป่าพรุควนเคร็ง” ที่บ้านควนเคร็ง ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อค้นหาปัญหาและแนวทางการฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็ง หลังจากเกิดไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งเมื่อปลายเดือนส.ค.เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ โดยมี นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตนายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ นายวิฑูรย์ กรุณา ว่าที่ผู้สมัคร นายกอบจ.นครศรีธรรมราช ร่วมรับฟังความคิดเห็น

นายธรรมนูญ คงจันทร์ กำนันตำบลเคร็ง กล่าวว่า ปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง ส่วนหนึ่งมาจากคนเข้าไปหาปลา เผาปลา เกิดเพลิงลุกไหม้ เป็นความไม่ได้เจตนา เมื่อเกิดเพลิงลุกไหม้ไฟจะถูกลมพัดจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านก็พยายามช่วยดับไฟแต่เอาไม่อยู่

ทั้งนี้ ธรรมชาติของป่าพรุคือมีการทับถมของพืชประมาณ 1 เมตร เมื่อไฟไหม้น้ำที่หล่อเลี้ยงป่าแห้ง เกิดจากการตื้นเขินของคูคลองในป่า เมื่อท้องถิ่นพยายามเข้าไปขุดลอก แต่ส่วนราชการไม่อนุญาต จึงแก้ปัญหาไม่ได้ ประกอบกับ แนวเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากับแนวที่ของชาวบ้านไม่ชัดเจน จึงมีปัญหาในการเฝ้าระวัง ในพื้นที่เคร็ง เรามีการเฝ้าระวัง มีการลงทะเบียนคนที่เข้าไปในป่า เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง แต่พื้นที่อื่นไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่ เพราะป่าพรุเข้าออกได้หลายทาง บางคนเข้ามาหาของป่า หาผึ้ง มีการเผาก็ไม่สามารถควบคุมได้

ด้าน นายถวิล สุขสวัสดิ์ ผู้นำชุมชนเคร็ง กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.ย.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเดินทางมาจ.นครศรีธรรมราช อยากให้นายกฯมาฟังชาวบ้าน ไม่ใช่ฟังแต่รายงานของข้าราชการ จะไม่ตรงกับความจริง ข้าราชการก็จะกีดกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าพบนายกฯ ปัญหาที่นี่มีมานานแล้ว ไม่ได้รับการแก้ไขซักที

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวของคนนอกพื้นที่ เข้ามาเพื่อหาประโยชน์ เมื่อหมดทางที่จะหาประโยชน์แล้ว คนพวกนี้ก็ออกไป เรื่องไฟไหม้ป่าพรุ ชาวบ้านก็บอกว่าเจ้าหน้าที่เป็นคนทำ เพราะต้องการงบประมาณมาใช้ในแต่ละปี 200 ล้านบาท ขณะที่เจ้าหน้าที่เองก็บอกว่าชาวบ้านเป็นคนเผา เพราะต้องการที่ดินไปใช้ประโยชน์

“ชาวบ้านกลายเป็นจำเลยเพราะบางคนอาจจุดไฟเผาป่าพรุ เพราะต้องการให้กระจูด พืชซึ่งเป็นวัตถุดิบนำมาใช้ทำหัตถกรรมพื้นบ้านขึ้นมาใหม่ หรืออาจจะจะเผาเพื่อให้หญ้าที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ขึ้นมาใหม่ หรือว่าจุดป่าพรุ เพื่อเอาที่ไปขายให้คนนอกพื้นที่ นี่คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่มักจะโยนบาปให้กับชาวบ้าน”นายถวิลกล่าว

นอกจากนี้ เวทีเสวนาได้ข้อสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำเสนอให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ในวาระที่จะลงพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งเพื่อรับฟังปัญหา ใน 4 ประเด็นด้วยกันคือ 1.การกำหนดพื้นที่ระหว่างเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขตพื้นที่อนุรักษ์ และเขตพื้นที่ทำกินของชาวบ้านให้ชัดเจน

2.ปลดล็อคเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินของชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆได้เช่น การขาย การจำนองที่ดิน 3. การกักเก็บน้ำเพื่อเพื่อใช้ในที่เกษตร และเป็นแหล่งน้ำของชาวบ้านในพื้นที่ และ 4.การส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ นอกจากนั้นชาวบ้านต้องการนำเสนอปัญหาที่แท้จริงให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ