ใช่รอยเท้าไดโนเสาร์?ชาวบ้านอุตรดิตถ์ขอนักธรณีวิทยาช่วยพิสูจน์

อุตรดิตถ์-เปิดรอยเท้าปริศนาบนเทือกเขาอุตรดิตถ์วอนนักธรณีวิทยาช่วยมาพิสูจน์เป็นของไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์หรือไม่ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ต่อไป

นายมรุเดช ไทยดิตถ์ ผู้ศึกษาและสืบค้นเรื่องราวท้องถิ่นของจ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ชาวบ้านค้นพบรอยปริศนาที่มีลักษณะคล้ายกับรอยเท้าไดโนเสาร์ ที่บ้านทุ่ง หมู่ 4 ต.แสนตอ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ฝังอยู่ในก้อนหินปูน มีลักษณะเป็นกลีบ 2 กลีบ มีจำนวนทั้งหมด 10 รอย รอยนิ้วเท้า มีขนาดความกว้างใหญ่สุดตั้งแต่ 30 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร ลึก 20 เซนติเมตร และมีความกว้างถึง 100 เซนติเมตร ยาว 140 เซนติเมตร ลึก 45 เซนติเมตร ตามลำดับ ชาวบ้านต่างเชื่อว่า เป็นรอยเท้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ หรือรอยเท้าไดโนเสาร์ ซึ่งรอยเท้าทั้งหมดปลายเท้าถูกชี้ไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้นไปสู่ถ้ำม่วง หรือถ้ำหินอ่อนสีม่วง เป็นหินอ่อนที่หายากที่สุดในประเทศไทย และมีในที่แห่งนี้ที่เดียวในประเทศไทย

นายมรุเดช กล่าวว่า ทุกวันนี้ ชาวบ้านจะเดินทางไปหาหน่อไม้ทุกครั้งเมื่อผ่านจุดนี้ จะต้องหาหญ้าอ่อนจำนวนหนึ่งมาวางไว้บนรอยเท้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ เนื่องจากมีความเชื่อว่าการนำหญ้าอ่อนมาวางไว้ที่รอยเท้าดังกล่าวจะทำให้ เกิดความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองในระหว่างหาหน่อไม้หรือของภายในป่า บ้างคนก็จุดธูปเทียนบูชาขอให้เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง ช่วยคุ้มครองป้องกันไม่ให้เกิดภัยอันตรายจากสัตว์ดุร้ายภายในป่าและเพื่อที่จะได้หาของป่าตามที่ต้องการได้ง่ายขึ้น

“รอยเท้าที่พบ ยังไม่มีการพิสูจน์จากนักธรณีวิทยา และผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด จึงทำให้การเรียกชื่อรอยเท้าแห่งนี้ถูกเรียกแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละคน แต่ในฐานะที่เพิ่งรับรู้เรื่องราวความมหัศจรรย์แห่งนี้จะเรียกว่า รอยปริศนา หากการพิสูจน์ไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ สิ่งที่จะต้องทำคือ การทิ้งเงื่อนงำไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันต่อไป รอยเท้าราชสีห์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพยามไปหาของป่า จะใช่รอยเท้าราชสีห์ หรือไม่คงต้องเฝ้าติดตามกันต่อไปว่า จะมีใครที่มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือนักธรณีวิทยาลงมาสำรวจตรวจสอบและพิสูจน์กันว่า ที่จริงแล้วรอยที่พบอันนี้คือรอยสิ่งใด หรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ ซึ่งจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้เกิดลักษณะแบบนี้ ก็คงต้องรอกันต่อไปในอนาคต” นายมรุเดช กล่าว