สุรินทร์ฝนตกหนักได้น้ำเก็บในอ่างเพิ่มเร่งผลิตประปาเลี้ยงคนเมือง

สุรินทร์-ฝนตกหนัก2วันน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงเพิ่มกว่า3ล้านลบ.ม.เร่งผลิตประปาส่งเลี้ยงคนเมืองชาวนาใจชื้นต้นข้าวฟื้นยืดชีวิตได้อีกระยะ

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบหลักในการไปผลิตน้ำประปาหล่อเลี้ยงในเมือง ทั้งในเขตเทศบาลเมืองและเขตรอบนอกเทศบาล หลังจากได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันตลอดทั้งคืน ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และครอบคุลทั้ง จ. สุรินทร์ และถือว่าเป็นฝนที่ตกหนักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่จังหวัดสุรินทร์ เกิดสภาวิกฤตภัยแล้ง มานานกว่า 2 เดือน จนทำให้พื้นที่ทำการเกษตรโดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิยืนต้นตาย เสียหายจำนวนมาก และอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง แห้งขอดวิกฤตหนักในรอบ 41 ปี ไม่น้ำเพียงพอต่อการผลิตน้ำประปา ส่งให้กับคนเมืองและตำบลรอบนอก

ปริมาณฝนที่ตกลงมาทำให้มีน้ำไหลเข้ามากักเก็บในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ได้เพิ่มปริมาณขึ้น โดยเป็นน้ำที่ไหลมาจากบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก รวมไปถึงอ่างเก็บน้ำอำปึล ที่ตำบลเทนมีย์ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำสำรอง ขณะนี้ก็มีน้ำเพิ่มขึ้นบางแล้ว และหากมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ก็จะมีน้ำจกพื้นที่ต่างๆไหลเข้ามายังอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่งเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้พบว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง มีปริมาณมากกว่า 3 ล้าน ลบ.ม.แล้ว หรือประมาณ 15 % ของความจุ ขณะที่ปริมาณน้ำยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนปริมาณน้ำที่ส่งเข้าผลิตน้ำประปาในขณะนี้ก็ได้ส่งเข้าสู่ระบบการผลิตอย่างเต็มที่ ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์ได้ดำเนินการผลิตน้ำประปาส่งชาวชุมชนเทศบาลและตำบลรอบนอกได้แล้วมีเพียงบางส่วนที่อยู่ปลายน้ำที่ยังคงไหลเบา โดยเฉพาะที่หมู่บ้านการเคหะแห่งชาติ ต.สลักได ผู้ที่อยู่ปลายน้ำต้องใช้ปั้มน้ำดูดถึงจะสามารถใช้น้ำได้

ส่วนการขุดบ่อดินในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ในโครงการธนาคารน้ำ ทางรถแบ็คโฮจาก อบจ.สุรินทร์ และโครงการแซร์อาทิตยา ยังคง ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อขุดให้ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ จำนวน 3 บ่อ เพื่อเป็นบ่อน้ำซับเก็บกักน้ำสำรองไว้ใช้ในยามน้ำขาดแคลน

ทั้งนี้ฝนที่ตกลงมาดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์ภัยแล้งวิกฤติหนัก ที่ส่งผลให้ น้ำดิบภายในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงแห้งขอด ไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาเลี้ยงคนเมืองและชุมชนรอบนอก เริ่มคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง ขณะที่ต้นข้าวที่กำลังแห้งเหี่ยวตาย เริ่มฟื้นขึ้นมา ต่อชีวิตได้อีกระยะหนึ่งแล้ว ชาวนาต่างดีใจกันถ้วนหน้า.