posttoday

บุกรวบ"นิว ลพบุรี"ตัวเบิ้มแก๊งค้ายาเสพติดพบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล.

24 กรกฎาคม 2562

ตำรวจปส.บุกจับ"นิว ลพบุรี"ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ พบหลักฐานเชื่อมโยงแฝดทมิฬ คิสเนอร์ พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท

ตำรวจปส.บุกจับ"นิว ลพบุรี"ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ พบหลักฐานเชื่อมโยงแฝดทมิฬ คิสเนอร์ พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. เดินทางมาสอบปากคำ นายศุภชัย แก้วชัยมี หรือ นิว ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และสนับสนุนกันกระทำความผิด ตามพ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 หลังเมื่อช่วงเช้าตำรวจชุดสยบไพรี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 1 นำกำลังเข้าจับกุมภายในบ้านพัก หมู่บ้านหรู ใน.จ.ลพบุรี

บุกรวบ"นิว ลพบุรี"ตัวเบิ้มแก๊งค้ายาเสพติดพบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล.

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด แต่จากข้อมูลพยานหลักฐานด้านการเงินที่เชื่อมโยงกับ นายพงศกร ศรีสรวง หรือโต้ง เครือข่ายแฝดคิสเนอร์ ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างหลบหนีการประกันตัวในชั้นศาล ซึ่งเชื่อว่าการกดดันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำให้ผู้ต้องหาของเครือข่ายเข้ามอบตัวเพิ่มอีก

ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 กล่าวว่า การจับผู้ต้องหาเครือข่ายนี้ ได้สืบสวนมาตั้งแต่ปี 2556 และหลังจากคู่แฝดค้ายาเสพติดใน จ.สระบุรี เสียชีวิต เครือข่าย “นิว ลพบุรี” ก็เข้ามาบริหารจัดการเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ โดยผันตัวเองขึ้นเป็นผู้จัดการเครือข่ายค้ายาเสพติด สั่งยาเสพติดโดยตรงจากภาคเหนือเข้ามากระจายในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะจ.ลพบุรี รวมถึงกทม. และบางส่วนลงภาคใต้ โดยไม่แตะต้องตัวยาเสพติด

ทั้งนี้ พบเส้นทางการเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 200-300 ล้านบาท และในช่วงหลังที่ถูกกดดันอย่างหนักนิว ลพบุรี ได้ย้ายที่อยู่หลายแห่งเพื่อหลบหนีการจับกุม แต่ก็กลับมาอยู่บ้านหลังดังกล่าว โดยทำให้ลักษณะเหมือนเป็นบ้านร้าง ไม่มีคนอาศัยอยู่ อีกทั้งยังทำป้ายทะเบียนรถปลอมไว้ที่รถ เพื่อสับเปลี่ยนระหว่างเดินทาง หลีกเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่

บุกรวบ"นิว ลพบุรี"ตัวเบิ้มแก๊งค้ายาเสพติดพบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล.

สำหรับ การตรวจค้น 40 จุด 8 จังหวัด ในครั้งนี้ สามารถยึดรถยนต์ของกลางได้ 5 คัน และทรัพย์สินอื่นๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวนกว่า 100 ล้านบาท และยังพบว่า มีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ซึ่งจะได้ตรวจสอบและเข้ายึดทรัพย์ไว้ตรวจสอบตาม พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด