posttoday

ไฟไหม้วัดดังรับวันเข้าพรรษาคาดเกิดจากธูปเทียนที่จุดทิ้งไว้คืนอาสาฬหบูชา

17 กรกฎาคม 2562

พิษณุโลก-เกิดเหตุไฟไหม้โต๊ะหมู่บูชาหน้าองค์พระประธานในอุโบสถวัดราชบูรณะจิตรกรรมฝาผนังอยู่ระหว่างการบูรณะเสียหายคาดเกิดจากธูปเทียนที่มีผู้จุดทิ้งไว้ในคืนอาสาฬหบูชา

พิษณุโลก-เกิดเหตุไฟไหม้โต๊ะหมู่บูชาหน้าองค์พระประธานในอุโบสถวัดราชบูรณะจิตรกรรมฝาผนังอยู่ระหว่างการบูรณะเสียหายคาดเกิดจากธูปเทียนที่มีผู้จุดทิ้งไว้ในคืนอาสาฬหบูชา

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.62 เวลา 05.45น.ได้เกิดเหตุไฟไหม้ในอุโบสถวัดราชบูรณะ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่เกิดเหตุพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากชายคาด้านบนของอุโบสถ จนท.ดับเพลิงของเทศบาลนครพิษณุโลกรุดนำสายน้ำเข้าไปฉีดควบคุมเพลิงภายในอุโบสถ ที่ต้นเพลิงเกิดบริเวณโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระประธาน ที่ไฟลุกไหม้ได้รับความเสียหายบริเวณดังกล่าวทั้งหมด โดยจนท.ดับเพลิงใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณ 20 นาที และใช้เครื่องดูดควันดูดควันดำภายในอุโบสถออกมาภายนอก ร้อยเวรพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพิษณุโลก มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแล้วประสานตำรวจวิทยาการเจ้าตรวจสอบสาเหตุด้วย

พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ อ.เมืองจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ทราบเหตุประมาณ 05.30 น. มีกลุ่มควันสีดำลอยออกมาจากภายในอุโบสถ จึงรีบโทรแจ้งจนท.ตำรวจและ จนท.ดับเพลิง โดยบริเวณโต๊ะหมู่บูชา ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ทั้งหมด และที่น่าห่วงคือ จิตรกรรมฝาผนัง น่าจะได้รับผลกระทบด้วย เพราะมีคราบเขม่าสีดำ เกาะเต็มจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ระหว่างการบูรณะโดยกรมศิลปากร ซึ่งปกติแล้วภายในอุโบสถไม่ได้เปิดให้คนเข้าไป เพราะกรมศิลปากร อยู่ระหว่างการบูรณะจิตรกรรมฝาผนังด้วยงบประมาณ 1.5 ล้านบาทและห้ามจุดธูปเทียน เพราะภายในมีวัตถุไวไฟที่ใช้ในการบูรณะจิตรกรรมฝาผนัง แต่เมื่อคืนเป็นวันอาสาฬหบูชา มีการเวียนเทียน คาดการณ์ว่าญาติโยมจะเข้าไปจุดธูปเทียนแล้วไม่ได้ดับจึงเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น ยังไม่ทราบว่าจิตรกรรมฝาผนังจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ต้องรอเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

พระครูสิทธิธรรมวิภัช กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา ทางวัดจะต้องทำพิธีมหาปวารณาเข้าพรรษา ที่พระภิกษุสงฆ์ต้องทำพิธีในภาคเย็นภายในอุโบสถ ต้องรอดูก่อนว่าจะทำพิธีได้หรือไม่ สำหรับอุโบสถวัดราชบูรณะเป็นโบราณสถานเก่าแก่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง สมัยอยุธยา ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่คาดว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในภาคเหนือ กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดราชบูรณะไว้เป็นโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 53ตอน 34 วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479 และได้บูรณปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง โดยเมื่อพ.ศ. 2528 บูรณะวิหารหลวง พ.ศ. 2530 อนุรักษ์ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ และพ.ศ. 2533 บูรณะเจดีย์หลวง เสริมความมั่นคงทางรากฐาน และต่อยอดพระเจดีย์ทรงลังกาซึ่งหักชำรุดหายไปให้บริบูรณ์

ก่อนหน้านี้ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นสันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้ ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เพราะได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ แล้วให้ช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องรามเกียรติ์ และมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารแล้วให้ช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระพุทธประวัติโดยจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถได้รับความเสียหายจากน้ำฝนและความชื้น จากสภาพหลังคาที่อายุเก่าแก่ จึงนำมาสู่การบูรณะครั้งหลังคาอุโบสถล่าสุดในปี 2556 และงานอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังในปี 2562

ไฟไหม้วัดดังรับวันเข้าพรรษาคาดเกิดจากธูปเทียนที่จุดทิ้งไว้คืนอาสาฬหบูชา

ไฟไหม้วัดดังรับวันเข้าพรรษาคาดเกิดจากธูปเทียนที่จุดทิ้งไว้คืนอาสาฬหบูชา

ไฟไหม้วัดดังรับวันเข้าพรรษาคาดเกิดจากธูปเทียนที่จุดทิ้งไว้คืนอาสาฬหบูชา

ไฟไหม้วัดดังรับวันเข้าพรรษาคาดเกิดจากธูปเทียนที่จุดทิ้งไว้คืนอาสาฬหบูชา

ไฟไหม้วัดดังรับวันเข้าพรรษาคาดเกิดจากธูปเทียนที่จุดทิ้งไว้คืนอาสาฬหบูชา