อัดยับ! ขบวนการโพสต์ขายน้ำตาพะยูนไม่ควรทำหวังโหนกระแสสร้างราคา

ตรัง-ผู้เชี่ยวชาญพะยูนระบุข่าวขบวนการที่โพสต์ขายน้ำตาพะยูนบนโลกโซเชียลเป็นเพียงการโหนกระแสสร้างราคาเพราะความเชื่อแบบนี้ในปัจจุบันไม่มีอีกแล้ว

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. จากกระแสข่าวขบวนการล่าตัดเขี้ยวพะยูน และมีการนำน้ำตาพะยูนมาโพสขายผ่านอินเตอร์เน็ต จนหลายคนออกมาต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวนั้น ดร.มาโนช วงศ์สุรีรัตน์ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องพะยูนในจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ที่ตนเองทำงานด้านพะยูนมายาวนานพบว่า การล่าพะยูนมาจาก 3 ส่วนด้วยกันทั้งนี้ ส่วนที่ 1 คือ ล่าพะยูนเพื่อจะกินเนื้อ ส่วนที่ 2 ล่าพะยูนเพื่อจะเอาเขี้ยว และส่วนที่ 3 เมื่อได้ซากมาแล้วก็จะเอาน้ำตา แต่การล่าทั้งข้อ 1 และข้อ 3 คือ ทั้งเนื้อและน้ำตาจะต้องได้ซากในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในขณะนี้ครอบครัวที่อยู่ชายฝั่ง ครอบครัวใดมีเนื้อพะยูนอยู่ถือเป็นของร้อนและมันไม่ง่ายในการที่จะเอาเนื้อพะยูนที่ชำแหละไปไว้ในบ้าน หรือเอาไว้กิน ส่วนการล่าเอาเขี้ยวต้องทำงานเป็นทีม ต้องมีเรืออย่างน้อย 1-2 ลำ และต้องเข้าไปฝังตัวอยู่ในชุมชนก่อนลงมือ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายอีกแล้วเช่นกัน นอกจากกรณีไปพบพะยูนตาย แล้วอยากได้เขี้ยวถือเป็นการขโมยซากสัตว์ป่า ขณะที่การล่าเพื่อเอาน้ำตาพะยูน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน โดยเฉพาะวิธีการที่จะใช้ไซริงค์ ไปดูดเอาน้ำตาที่บริเวณดวงตาของพะยูน

ดร.มาโนช กล่าวว่า ตามเพจที่มีการโพสต์ซื้อขายน้ำตาพะยูน ขวดละประมาณ 1,400 บาทนั้น จึงไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เพราะน้ำตาพะยูนแต่ละตัวมีปริมาณนิดเดียว เมื่อเอามาผสมขายเป็นขวดๆ ก็อาจจะเอาน้ำอะไรไม่รู้มาผสมแทนก็ได้ แถมยังเป็นความเชื่อที่ผิดๆ ด้วย แต่ยอมรับว่าในอดีตเมื่อประมาณปี 2530 กว่าๆ สมัยที่ตนเองยังทำงานอยู่ แล้วไปพบซากพะยูน ต่อมาปรากฏว่า มีชาวบ้านถือไซริงค์เดินมา เพื่อจะแทงที่ดวงตาของพะยูนเพื่อเอาน้ำตาไปเข้ายา ซึ่งภาษาใต้หมายถึงการนำน้ำตาพะยูนไปเข้ารวมกระบวนการทางการผลิตยาพื้นบ้าน หรือยาเสน่ห์

นอกจากนั้น เคยมีชาวบ้านมาขอเอาผ้าป้ายตาที่ซากพะยูน เพื่อจะเอาน้ำตาไป แต่ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรทำ กระทั่งภายหลังมาข่าวเรื่องน้ำตาพะยูนก็เงียบหายไป ก่อนที่จะมาเกิดกระแสอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ในช่วงนี้มีพะยูนตายลงหลายตัว ทั้ง ที่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และไม่ควรมีกระบวนการล่าพะยูนเพื่อจะเอาอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดขึ้น แต่อาจจะเป็นการโหนกระแส เพื่อสร้างราคา หรือสร้างรายได้ให้กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากกว่า ทั้งที่พะยูนเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนรักและหวงแหนกันทั้งประเทศ