posttoday

ผอ.สพป.นม.เขต7โวยสื่อไม่มีหน้าที่ตรวจสอบเด็กห่อข้าวไปโรงเรียน

10 กรกฎาคม 2562

นครราชสีมา-ผอ.สพป.นม.เขต7โวยสื่อจวกไม่ใช่หัวหน้าหน่วยงานและไม่มีหน้าที่ตรวจสอบนักเรียนประถมห่อข้าวเปล่าไปโรงเรียนและขอให้ยุติการเสนอข่าวเพราะไม่มีการโกงหักค่าอาหารกลางวัน

นครราชสีมา-ผอ.สพป.นม.เขต7โวยสื่อจวกไม่ใช่หัวหน้าหน่วยงานและไม่มีหน้าที่ตรวจสอบนักเรียนประถมห่อข้าวเปล่าไปโรงเรียนและขอให้ยุติการเสนอข่าวเพราะไม่มีการโกงหักค่าอาหารกลางวัน

กรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้โพสภาพเด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านหนองทุ่มโนนหาดวิทยา ต.โนนรัง อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา นำกล่องข้าวมาโรงเรียน ซึ่งเป็นข้าวเปล่า โดยโรงเรียนทำกับข้าวไว้ให้ อ้างว่าผู้อำนวยการโรงเรียนเบิกเงินค่าข้าวสาร วันละ 15 กิโลกรัม เป็นประจำทุกวัน และมีการหักเงินจากโครงการอาหารกลางวัน วันละ 1,000 บาท ตามที่แชร์ส่งต่อกันในโลกโซเชียลนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวไปที่โรงเรียนบ้านหนองทุ่มโนนหาดวิทยา ได้รับคำชี้แจง จากนายจักรี บุญเที่ยง ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ว่า"ไม่ได้สั่งให้เด็กห่อข้าวเปล่ามาโรงเรียน แต่ผู้ปกครองเด็กห่อมาให้เอง อีกทั้งเงินค่าอาหารกลางวัน ที่หักออกมาวันละ 1,000 บาทก็เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณที่จัดซื้ออาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนตามปกติ ซึ่งถือว่าเป็นไม่มากนัก"

ด้านนางสุภาพ เที่ยงไธสง อายุ 40 ปี ผู้ปกครอง เปิดเผยว่า การห่อข้าวให้ลูกๆไปโรงเรียน ถือเป็นวัฒนธรรมที่มีการทำกันต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตนานมาแล้ว แม้แต่สมัยที่งเรียนอยู่ก็ยังห่อข้าวไปกินที่โรงเรียนแม้ว่าทางโรงเรียนจะมีข้าว และกับข้าวให้ แต่ทุกคนก็สมัครใจที่จะห่อข้าวให้ลูกไปกินที่โรงเรียนเหมือนเดิม ข่าวที่ออกไปว่าทางโรงเรียนบังคับให้ห่อ หรือมีการโกงค่าอาหารกลางวันนักเรียนผู้ปกครองหลายคนเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องจริง อาจจะมีการเข้าใจผิดจึงอยากให้ทุกคนเข้าใจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้

ขณะเดียวกัน ภายหลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปรากฎว่านายพีรพงศ์ สุรเสน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 (สพป.นม.เขต7)  ได้มีการส่งไลน์ไปตามกลุ่มของโรงเรียนต่างๆ มีใจความว่า “นายพีรพงศ์ สุรเสน ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต7 มีความประสงค์ ต้องการพบกับนักข่าวหนุ่มสาว (ตามภาพข่างล่างนี้) ผู้ใดพบเห็น นักข่าวหนุ่มสาวคู่นี้ กรุณาแจ้งให้ทั้งคู่ไปพบ ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 7 โดยด่วน” พร้อมกับแนบไฟล์ภาพนิ่งของนักข่าวทั้ง 2 คนด้วย

นายพีรพงศ์กล่าวว่า"ไม่ใช่หน้าที่ของสื่อที่จะมาตรวจสอบสื่อไม่ใช่หัวหน้าหน่วยงานที่จะมีหน้าที่มาตรวจสอบการทำงาน การตรวจสอบเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตน การจะเสนอข่าวขอให้เสนอแต่เรื่องที่เป็นบวก เรื่องลบไม่ควรเสนอ ดังนั้น การเสนอข่าวนี้จึงถือว่าสื่อไม่มีจริยธรรม ไม่มีจรรยาบรรณ ตั้งแต่นี้ต่อไปขอให้ยุติการเสนอข่าวนี้เสีย เพราะทำให้โรงเรียน และสำนักงานเขตได้รับความเสียหายเพราะไม่ได้โกงตามที่เข้าใจ

แม้ว่าผู้สื่อข่าวจะพยายามอธิบายถึงที่มาที่ไปของข่าวแล้ว และต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับรู้ แต่นายพีรพงศ์ก็ยังไม่ยอมรับฟัง ยังยืนยันที่จะให้งดนำเสนอข่าวนี้.