posttoday

ตู้อบไม่พอ!ร.พ.ย้ายหญิงตั้งครรภ์ไปรักษาอีกแห่งจนลูกเสียชีวิต

12 มิถุนายน 2562

ชลบุรี-หญิงตั้งครรภ์ติดใจมาตรฐานการรักษาของร.พ.แห่งหนึ่งในพื้นที่หลังถูกย้ายให้ไปรักษาอีกแห่งจนลูกเสียชีวิตเพราะเลือดในน้ำคร่ำไหลออกมาและขาดอากาศหายใจ

ชลบุรี-หญิงตั้งครรภ์ติดใจมาตรฐานการรักษาของร.พ.แห่งหนึ่งในพื้นที่หลังถูกย้ายให้ไปรักษาอีกแห่งจนลูกเสียชีวิตเพราะเลือดในน้ำคร่ำไหลออกมาและขาดอากาศหายใจ

กรณี น.ส.จินดารัตน์ อินทรสิงห์ อายุ 21 ปีและนายบอย คงกระพันธ์ อายุ 25 ปี ร้องเรียนว่าติดใจการให้การรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งจ.ชลบุรีหลังฝ่ายหญิงเกิดอาการปวดท้องใกล้คลอดและเดินทางไปที่รพ.แห่งนี้แต่ได้รับแจ้งว่าลูกมีอายุครรภ์เพียง 33 สัปดาห์ถือว่ามีความเสี่ยงเพราะยังไม่ได้กำหนดคลอดและต้องใช้ตู้อบสำหรับเด็ก ซึ่งรพ.มีไม่เพียงพอขณะที่ปากช่องคลอดของมารดาก็ยังไม่พร้อมจึงต้องนอนรอ กระทั่งรู้สึกเจ็บท้องมาก และมีเลือดไหลออกทางช่องคลอด

ขณะที่รพ.จึงแจ้งว่าจะส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา โดยทำใบส่งตัวให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมจัดรถไปส่ง แต่กลับให้สามีพาขี่จยย.ไปเองจนสุดท้ายบุตรก็เสียชีวิตโดยแพทย์แจ้งว่าที่เด็กเสียชีวิตเพราะเลือดในน้ำคร่ำไหลออกเกิน 40 เปอร์เซ็นต์แล้วเด็กก็ขาดออกซิเจน แต่แพทย์ก็ไม่แนะนำให้มีบุตรได้อีกเนื่องจากมีความดันสูงและครรภ์เป็นพิษ และทั้งที่ร.พ.เห็นว่าก็มีอาการหนัก มีเลือดไหลมาก แต่กลับให้ขี่จักรยานยนต์ย้ายโรงพยาบาลเองซึ่งต่อมารพ.บางละมุงได้ประสานเจรจา ก่อนจะแจ้งว่ามีความผิดพลาดบางอย่าง และขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยืนยันว่าจะทำการปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม

ล่าสุด น.ส.จินดารัตน์เดินทางเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางละมุง จ.ชลบุรีโดยใช้เวลากว่า1ชม.ก่อนออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่ายังมีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับการออกมาพูดคุยของโรงพยาบาลเพราะแค่แจ้งว่าจะทำการปรับปรุงระบบ รวมทั้งพยาบาลในวันเกิดเหตุก็ยังไม่เคยออกมาพูดคุยหรือทำความเข้าใจกับตนเอง ที่ใช้วาจาไม่สุภาพและไม่ทำเรื่องส่งตัวให้แต่กลับบอกให้ขี่รถจยย.ไปเอง ทั้งๆที่เจ็บท้องหนัก และมีเลือดไหลออกจากช่องคลอด

ส่วนที่มาให้ปากคำวันนี้ก็เพื่อประกอบสำนวนในการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้เด็กเสียชีวิต ส่วนศพเด็กจะยังไม่ดำเนินการทางศาสนาจนกว่าเรื่องทุกเรื่องจะคลี่คลายลง หลังจากให้ปากคำเสร็จจะเดินทางไปร้องทุกข์ต่อที่สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดชลบุรี เพื่อให้มาตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และพยาบาลโรงพยาบาลว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ และควรดูแลรับผิดชอบอย่างไรต่อไป