ฝุ่นเชียงใหม่วิกฤต

ฝุ่นเชียงใหม่ยังวิกฤต  กรมควบคุมโรคลงพื้นที่พบประชาชน เข้ารพ.มากขึ้นตั้งแต่ต้นปีแต่น้อยกว่าปี 61 เผยประชาชนรู้ข้อมูลเตรียมตัวป้องกันดี ทำให้มีผู้ป่วยน้อย เมื่อเทียบช่วงเดียวกัน

สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือยังคงวิกฤตติดต่อกันหลายสัปดาห์ โดยขณะนี้มีโรงเรียนอย่างน้อย 5 แห่ง ใน จ.เชียงใหม่ ที่ประกาศหยุดเรียนภาค ฤดูร้อนเป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 25-26 มี.ค. ขณะที่ค่า PM2.5 เมื่อเช้าวันที่ 25 มี.ค.วัดได้ 160 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่า PM 2.5 วัดได้ 266 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร

นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ในโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ เพื่อดูการเคลื่อนที่ของจำนวนผู้ป่วย พบว่า ผู้ป่วยที่มาห้องฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก คลินิกด้านโรคหัวใจ ทางเดินหายใจ ผิวหนัง และดวงตา ทุกสัปดาห์ตั้งแต่ต้นปี 2562 มีจำนวนสูงตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีของปี 2561 และต่ำกว่าปี 2561 ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นปีค่าฝุ่น PM2.5 ยังไม่มี โดยพบว่าเป็นการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่เป็นหลัก และจากการติดตามในทุกสัปดาห์ พบว่าแนวโน้มของผู้ป่วย ลดลงเรื่อยๆ เมื่อพิจารณาข้อมูลช่วงเดือน มี.ค. ซึ่งค่าฝุ่นละอองขึ้นสูงแล้ว กลับพบว่าจำนวนผู้ป่วยลดลง และมีจำนวนน้อยกว่าปี 2561 ในช่วงเวลาเดียวกัน และค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี

"แม้ค่า PM2.5 จะสูงขึ้น แต่ผลกระทบ ด้านสุขภาพที่ทำให้เข้าโรงพยาบาลมากขึ้นนั้น ยังไม่เห็นผล แต่ผลกระทบทำให้เกิดการระคายเคืองหรือมีอาการเยอะขึ้น แต่ไม่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล" นพ.ขจรศักดิ์ กล่าว

นพ.ขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการสอบถามแพทย์ เช่น อายุรแพทย์โรคปอด ที่ดูแลเรื่องนี้มาหลายปี สิ่งที่ คาดการณ์คือในปี 2562 คนไข้ต้องมากขึ้น เพราะค่าฝุ่นสูงและนาน แต่พบว่า ผู้ป่วยต่ำ ซึ่งประเมินว่าชาวบ้านมีการ เตรียมตัวมาอย่างดี เพราะรู้ว่ามีค่าฝุ่นสูงขึ้นแน่ๆ และมีข่าวฝุ่นใน กทม.นำมาก่อน ทำให้รับรู้และป้องกันตนเองได้ถูกต้อง มากขึ้น

นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการเกิดปัญหาหมอกควันปกคลุมในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเกิดจากการลักลอบเผาป่าล่าสัตว์ในพื้นที่ป่า รวมถึงการเตรียมพื้นที่ทาง การเกษตรของราษฎรประกอบกับปัจจุบันกระแสลมมีกำลังอ่อนไม่สามารถพัด กลุ่มควันที่สะสมอยู่ให้ระบายออกจากพื้นที่ได้จนส่งผลกระทบต่อคุณภาพ อากาศ ทาง จ.เชียงใหม่ จึงออกประกาศมาตรการเร่งด่วนของจังหวัด โดยให้อำเภอมอบหมายหน่วยงานสาธารณสุขและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลงพื้นที่ให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตนที่ถูกต้องในการดูแลรักษาสุขภาพแก่ประชาชนเพื่อป้องกันผลกระทบจากฝุ่นละอองและหมอกควันไฟป่าและแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชน