posttoday

รวบแล้วหนุ่มไทยขืนใจสาวลาวอ้างโมโหอวดรูปแฟนเก่าเลยก่อเหตุ

22 มีนาคม 2562

ตำรวจ สภ. บ้านไผ่ จับแล้ว หนุ่มยโสธร ลวงสาวลาวมาขืนใจในรีสอร์ต ที่แท้คนงานก่อสร้าง รับสารภาพโมโหที่ฝ่ายหญิงอวดภาพแฟนเก่า เลยหึงหวงจึงก่อเหตุ แต่ยืนยันไม่ได้ล่อลวง

ตำรวจ สภ. บ้านไผ่ จับแล้ว หนุ่มยโสธร ลวงสาวลาวมาขืนใจในรีสอร์ต ที่แท้คนงานก่อสร้าง รับสารภาพโมโหที่ฝ่ายหญิงอวดภาพแฟนเก่า เลยหึงหวงจึงก่อเหตุ แต่ยืนยันไม่ได้ล่อลวง

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. จากกรณี น.ส.หนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี สาวชาวลาว นำภาพถ่าย พร้อมคลิปวงจรปิด เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บ้านไผ่ ว่า ถูกชายไทย ชื่อนายต้น อายุประมาณ 25-30 ปี ผิวดำ รูปร่างใหญ่ ล่อลวง กักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนภายใน รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยเหตุเกิดช่วงเช้ามืดวันที่ 21 มี.ค. จนถึงบ่ายวันเดียวกันนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์ สมจิตต์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายรุจน์ รังสี นายอำเภอบ้านไผ่ สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านไผ่,ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น เข้าทำการจับกุม นายเอกชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาว อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร  พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ทะเบียน ขอนแก่น ภายในแคมป์คนงานก่อสร้าง บริเวณทางเข้าบ้านหนองแวงโอง ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ก่อนทำการควบคุมตัวมาทำการสอบสวน ที่ สภ.บ้านไผ่

จากการสอบสวน นายเอกชัย  ให้การรับสารภาพว่า ได้ขอเป็นเพื่อนกับผู้เสียหายทางเฟซบุ๊กเมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นก็คุยกันมาอย่างต่อเนื่อง จนทราบว่าผู้เสียหายเลิกกับแฟน จึงขอคบและขอคุยกันในฐานะแฟน ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนจากนั้น ได้ขอยืมเงินผู้เสียหายมาหลายครั้ง และยังไม่ได้คืน ก่อนก่อเหตุทราบว่าผู้เสียหายเดินทางมาที่ประเทศไทย และจะกลับประเทศลาวพร้อมพี่สาว จึงพูดคุยกัน และผู้เสียหายได้ตัดสินใจเดินทางมาหาที่อ.บ้านไผ่ โดย ไม่ได้มีการล่อลวงแต่อย่างใด

" ผมโมโหที่สาวลาวอวดภาพแฟนเก่า จึงปลุกปล้ำขืนใจ 4 ครั้งแล้วพากลับไปส่งที่ บขส.โดยที่ยังไม่ได้คืนเงิน และไม่ได้ตั้งใจที่ล่อลวงมาข่มขืน ที่ทำไปเพราะโมโหหึงหวง และฝากขอโทษสาวลาวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย" นายเอกชัย กล่าว

ด้าน ผกก.สภ.บ้านไผ่ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ข่มขืนสาวลาวจริง จึงได้แจ้งข้อหาทั้งหมด 4 ข้อกล่าวหา แต่จะมีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อนหรือไม่นั้นต้องสอบสวนเพิ่มเติม  เพราะในความเป็นจริงแล้วผู้ต้องหามีการใช้รูปโปรไฟล์ที่ไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง อย่างไรก็ตามในประเด็นดังกล่าวต้องฝากไปถึงผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดียนั้นระมัดระวังตัวเพิ่มมากขึ้นด้วย