posttoday

น้องสาวผู้รอดชีวิตเขยคลั่งฆ่า5ศพยันพ่อไม่เคยพูดอยากได้ให้ไปฟ้อง

18 มกราคม 2562

อุตรดิตถ์-"ไม่อยากให้มาขอโทษประหารได้ก็ดี"น้องสาวผู้รอดชีวิตเหตุเขยคลั่งฆ่ายกครัว5ศพโต้พ่อไม่เคยพูด"อยากได้ให้ไปฟ้อง"ทรัพย์สินที่เหลือจะคืนให้ทั้งหมด

อุตรดิตถ์-"ไม่อยากให้มาขอโทษประหารได้ก็ดี"น้องสาวผู้รอดชีวิตเหตุเขยคลั่งฆ่ายกครัว5ศพโต้พ่อไม่เคยพูด"อยากได้ให้ไปฟ้อง"ทรัพย์สินที่เหลือจะคืนให้ทั้งหมด

ความคืบหน้ากรณี นายธีรพล หรือปุ๊ ปิ่นอมร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/2 หมู่ 1 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ใช้อาวุธปืนพกแบบสั้นขนาด 9 มิลลิเมตร ยิงคนในครอบครัวของ นางกัญญารัตน์ กิ่งแก้ว ภรรยา จนมีผู้เสียชีวิต 5 รายประกอบด้วย นายวิรัตน์ กิ่งแก้ว อายุ 46 ปี พ่อตา นางน้ำผึ้ง อินทร์สิทธิ์ แม่ยาย นางกัญญาภัทร กิ่งแก้ว ภรรยาของนายวีรพลเอง นางน้ำผา อินทร์สิทธิ์ พี่สาวฝาแฝดของแม่ยาย และนางกนกวรรณ อินทร์สิทธิ์ พี่สาวของแม่ยาย เหตุเกิดที่ ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เมื่อค่ำวันที่ 13 ม.ค.62 หลังก่อเหตุนายธีรพล ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน กล 4561 พิษณุโลก หลบหนีไป และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร จ.ระนอง รวบตัวได้เมื่อช่วงสายวันที่ 15 มกราคม ที่ จ.ระนอง ขณะกำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งทางครอบครัวทำการฌาปนกิจศพแล้ว เมื่อช่วงเยนวันที่ 17 มกราคม 2562

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 น.ส.สุพัตรา กิ่งแก้ว น้องสาวนางกัญญาภัทร กิ่งแก้ว ภรรยาของนายธีรพล ปิ่นอมร ผู้ต้องหาคดีเขยคลั่งฆ่า5ศพ เหตุเกิดที่ ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 13ม.ค.62 เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้ยินเสียงผู้ต้องหาง้อพี่สาว แต่พี่สาวไม่ยอมไป เนื่องจากรู้ดีว่านายธีรพลเสพยาบ้ามา และพี่สาวก็บอกด้วยว่า บอกกี่ครั้งแล้ว ให้โอกาสกี่ครั้งแล้ว พ่อเองก็พูดว่าให้โอกาสมากี่ครั้งแล้ว ทั้งที่พ่อแม่ไม่เคยด่าใคร นายธีรพลก็เปลี่ยนเรื่องคุยพร้อมเอาเอกสารมาให้พี่สาวเซ็น พ่อจึงบอกไปว่า หากจะให้เซ็นต้องไปเซ็นที่โรงพักเพียงเท่านั้นนายธีรพลก็เอาปืนออกมายิงพ่อและพี่สาวทันที

"การที่นายธีรพลอ้างว่า พ่อบอกว่าอยากได้ให้ไปฟ้องเอาซึ่งจริงๆ แล้วทั้งพ่อและพี่สาวไม่เคยพูดประโยคนี้ดิฉันก็ยินชัดเจนเพราะอยู่ใกล้ๆกันกับพ่อและพี่สาว เมื่อรู้ว่าพ่อและพี่สาวถูกยิงก็วิ่งเข้าไปดูและช่วยพ่อ ไม่เคยใช้จอบที่อยู่ในมือทำร้ายอย่างที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง แต่นายเอกราช กำแหง ซึ่งเป็นแฟนปลูกต้นไม้อยู่หลังบ้านเมื่อเห็นว่านายธีรพละกำลังไล่ยิงดิฉัน แฟนจึงนำปืนลูกซองสั้นยิงสวนไปเพื่อป้องกันไม่ให้นายธีรพลยิงแต่ไม่โดนนายธีรพลและกลับถูกยิงเข้าที่มือขวาด้วยซ้ำไป"

นางสุพัตรา กล่าวต่อว่าก่อนนายธีรพลก่อนจะคบกับพี่สาวบอกว่า เป็นทหาร เล่นหุ้น มีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ไปๆกลับๆ และตอนนั้นคิดว่าที่ไป ๆกลับ ๆ เพราะคงจะไปทำงาน แต่หลังจากเดือนที่ 4 ผ่านไปแล้วก็ไม่ไปไหนเลย ไม่เคยนอนที่บ้าน แต่ไปนอนที่โรงแรม เคยถามว่า ไม่ไปทำงานหรืออย่างไร นายธีรพลก็บอกว่า มีเลขาและมีลูกน้องเยอะ และอ้างว่า มีเงินเป็น 100 ล้านบาท ให้เงินคนในครอบครัวครั้งละ 5,000 บาทบ้างหรือน้อยกว่านี้ เคยให้พ่อ 1,000,000 บาท เพื่อให้สร้างบ้าน เมื่อกลางปีที่ผ่านมาพี่สาวกับนายธีรพลมีกำหนดจะแต่งงานกันวันที่ 12 มกราคมนี้ ที่แต่งงานกันไม่ใช่เพราะพี่สาวท้อง

“ช่วงแรก ๆ ที่นายธีรพลไป ๆกลับ ๆ นั้น ได้ซื้อรถยนต์กระบะมือ 2 ให้ แต่ให้พี่สาวและพ่อไปเอาเองและให้เป็นชื่อพ่อและพี่สาว และตอนนั้นนายธีรพลยังไม่ค่อยพูด จะอยู่เงียบ ๆ แม่รักมากยังทำกลับข้าวให้รับประทาน ส่วนเรื่องเงิน 20 ล้านบาทที่มีการพูดถึงกันว่า นายธีรพลมาขอคืนเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ของที่นายธีรพลเอามาให้เขาเป็นคนซื้อมาเอง ทะเลาะกันกับพี่สาวทีไรก็จะมาขอคืน รถยนต์จำนวน 8 คันที่ซื้อให้ก็เอาคืนไปหมดแล้ว ลงบันทึกประจำวันไว้ที่โรงพักแล้ว แต่กลับไปพูดว่าครอบครัวไม่ยอมคืนให้ พ่อบอกเสมอว่าของที่ให้มาเอาคืนไปให้หมด ไม่เอา ทรัพย์สินทุกอย่างคืนหมดแล้ว เหลือเพียงรถไถนาและรถยนต์กระบะอีกคัน ก็จะคืนให้” น.ส.สุพัตรา กล่าว

สาเหตุที่ทะเลาะกับพี่สาวก็เนื่องมาจากเสพยาบ้า ดื่มเหล้าดื่มเบียร์ นอกจากจะทะเลาะกับพี่สาวอยู่บ่อยครั้งแล้ว ยังเป็นคนขี้หึงมาก ผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆพี่สาวก็มักจะพูดว่าเป็นชู้บ้างเป็นเด็กบ้าง ขนาดเป็นญาติพี่น้องกันนายธีรพลยังมองแบบตาขวาง ๆไม่พอใจ และช่วง 1 เดือนก่อนที่จะเกิดเหตุยิงพ่อและพี่สาว นายธีรพลใช้เข็มขัดรัดคอพี่สาวและซ้อมอย่างรุนแรง เคยลงบันทึกประจำวันที่โรงพักไว้แล้ว ทุกครั้งที่ทะเลาะกับพี่สาวมักจะเกิดขึ้นหลังจากเสพยาบ้า เมาเหล้า นายธีรพลมักจะไปเที่ยวที่ จ.พิษณุโลก เมื่อเสพยามาพี่สาวก็จะจับได้ทุกครั้ง เคยสาบานวาจะเลิก ตั้งใจบวช 7 วัน แต่บวชอยู่ 3 วันเพื่อเลิกยา สุดท้ายก็กลับมาเสพอีก วันที่ยิงพ่อและพี่สาว พี่สาวอาจจะท้าให้นายธีรพลยิงเองก็เป็นได้ เพราะเคยเอาปืนขู่พี่สาวอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้คิดว่าจะยิง

น.ส.สุพัตรา กล่าวอีกว่า นายธีรพลเสพยามาที่ไรมักจะมาทำร้ายพี่สาวทุกครั้ง คนในครอบครัวก็ไม่มีใครชอบที่พี่สาวถูกทำร้ายร่างกาย และคงไม่อยากให้เขาอยู่บ้าน เคยบอกกับเขาไปว่า ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ต้องเข้ามาในบ้าน เพราะไม่ชอบ ชาวบ้านจะรู้กันหมดว่า เขาดื่มเหล้าเบียร์ทั้งวัน และชอบยิงปืนในสวนตำรวจไม่จับ เพราะไม่มีใครเอาเรื่อง ซึ่งผิดกับตอนแรกที่เขามาเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่พูดอยู่นิ่งๆ ครั้งสุดท้ายที่พี่สาวยอมคืนดีด้วยก่อนที่จะมาเกิดเหตุยิงพ่อและพี่สาว เพราะเขาขู่พี่สาวว่าจะยิงทุกคนในครอบครัว พี่สาวกลัวว่าเขาจะทำจริงจึงคืนดีด้วย เพราะไม่อยากให้เขาไปทำร้ายคนในครอบครัว พี่สาวเคยถามพ่อแม่ว่า จะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ พ่อแม่ก็ถามไปว่า ยังรักเขาหรือไม่พี่สาวก็บอกว่ายังรัก ครอบครัวก็ไม่ว่าอะไรเพราะลูกยังรักเขาอยู่จึงไม่ว่าอะไร

“สิ่งที่ครอบครัววิตกถ้านายพีรพลออกจากคุกมาได้ กลัวว่านายธีรพลจะมาทำร้ายครอบครัวอีก สิ่งที่เขาสารภาพว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะครอบครัวของเราเป็นต้นเหตุนายธีรพลจะพูดอย่างไรก็ได้เพื่อให้พ้นผิด แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวของนายธีรพลทั้งนั้น อยากให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ปล่อยให้นายธีรพลรับกรรมของเขาไปเอง เป็นไปได้อยากให้ประหารชีวิตเลยก็ดี อยากจะบอกพ่อแม่และพี่สาวว่า ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ที่เหลือจะดูแลเอง บ้านที่สร้างไว้เตรียมแต่งงานใครจะทำอะไรก็ทำไป ไม่อยากได้ ส่วนทรัพย์สินที่เหลือจะคืนให้หมด ไม่เก็บไว้ที่บ้าน ไม่เอา ไม่อยากให้นายธีรพลมาขอโทษไม่อยากให้มา” น.ส.สุพัตรา กล่าว