เจาะ 14 สนามเลือกตั้งเมืองย่าโม 5 พรรคใหญ่แข่งเดือด(จบ)

โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์

ความน่าสนใจของสนามเลือกตั้งนครราชสีมาในครั้งนี้ก็คือ อดีต สส.เจ้าของพื้นที่เดิมซึ่งย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ไม่ว่าจากพรรคเพื่อไทยไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคภูมิใจไทยไปสังกัดพรรคพลัง ประชารัฐ สิ่งที่ต้องจับตาก็คือดีกรีอดีต สส.บวกกับแรงสนับสนุนที่พรั่งพร้อมจากพรรคพลังประชารัฐ จะสามารถฝ่ากระแสพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ได้หรือไม่

สำหรับอีก 7 เขตเลือกตั้งที่เหลือ เขตเลือกตั้งที่ 8 อ.ห้วยแถลง จักราช และเฉลิมพระเกียรติ เดิมมี พลพีร์ สุวรรณฉวี จากพรรคเพื่อไทยเป็นแชมป์เก่า แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ พลพีร์ ย้ายไปซบพรรคภูมิใจไทย และดันน้องชาย พีรพร สุวรรณฉวี (เติ้ง) ลงสมัครระบบเขตแทน ส่วนตัว พลพีร์ จะไปสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ

ทั้งนี้ พีรพร ต้องพบกับศึกหนักเมื่อ วิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ดัน ทัศนาพร เกษเมธีการุณ นายกเทศมนตรีตำบลห้วยแถลง น้องสาว ทัศนียา รัตนเศรษฐ ภรรยา วิรัช ลงชิงเก้าอี้
   
เขตเลือกตั้งที่ 9 อ.โชคชัย หนองบุญมาก และเมืองนครราชสีมา เฉพาะ ต.หัวทะเล หนองระเวียง และพะเนา พื้นที่เดิมของ บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย ครั้งนี้ บุญจง ย้ายไปซบพรรคพลังประชารัฐ แต่ที่ผ่านมา บุญจง ลงพื้นที่ทำการบ้านมาตลอดเพื่อหวังรักษาเก้าอี้ไว้ให้ได้ จึงไม่ค่อยวิตกมากนักกับการที่ภูมิใจไทยพรรคเก่าส่ง อภิชา เลิศพชรกมล อดีตผู้สมัคร สส.ของพรรคเพื่อไทย ที่ย้ายมาซบพรรคภูมิใจไทย มาท้าชิงเก้าอี้อีกครั้ง

เขตเลือกตั้งที่ 10 อ.ครบุรี เสิงสาง และวังน้ำเขียว เขตเลือกตั้งนี้เดิม สัมภาษณ์ อัตถาวงศ์ พี่ชาย สุภรณ์ อัตถาวงศ์ จากเพื่อไทยเป็นแชมป์เก่า แต่เมื่อ สุภรณ์ และสัมภาษณ์ ย้ายไปเข้ากับพรรคพลังประชารัฐ โดย สุภรณ์ จะลงสมัครในระบบเขตด้วยตนเอง และดันพี่ชาย สัมภาษณ์ ไปสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ

ทั้งนี้ สุภรณ์ ต้องพบศึกหนักเมื่อ วีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต สว. นครราชสีมา เจ้าของโรงแป้งมันสำปะหลังเอี่ยมเฮง เสิงสาง และปัจจุบันเป็นแกนนำพรรคภูมิใจไทย ส่ง พรชัย อำนวยทรัพย์ สจ.เขต อ.เสิงสาง ลงชิงเก้าอี้ โดย วีระศักดิ์ ได้ทำการบ้านวางแผนตุนคะแนนเสียงมานานอย่างต่อเนื่อง และสุภรณ์ ก็ขยันลงพื้นที่เป็นขวัญใจชาวบ้านมาตลอด จึงถือเป็นหนึ่งในเขต เลือกตั้งที่น่าจะดุเดือดน่าจับตาอย่างยิ่ง

เขตเลือกตั้งที่ 11 อ.ปักธงชัย และวังน้ำเขียว ยกเว้น ต.วังน้ำเขียว และไทยสามัคคี อ.เมืองนครราชสีมา เฉพาะ ต.หนองบัวศาลา และไชยมงคล อ.ปากช่อง เฉพาะ ต.วังกระทะ เขตนี้ เดิม ประนอม โพธิ์คำ จากพรรคเพื่อไทย เป็นแชมป์เก่า แต่หลังจากย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ก็มีกระแสข่าวว่าข้อตกลงบางอย่างทำให้ ประนอม ยอมหลีกทางให้ สมศักดิ์ พันธุ์เกษม อดีต สส.นครราชสีมา ที่ย้ายมาจากพรรค ชาติพัฒนา มาลงสมัครแทน ส่วน ประนอม ก็ย้ายไปลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนผู้สมัครพรรคอื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจน

เขตเลือกตั้งที่ 12 อ.ปากช่อง ยกเว้น ต.วังกระทะ มี ศิรสิทธิ์ เลิศด้วยลาภ จากเพื่อไทยเป็นแชมป์เก่า การเลือกตั้งครั้งนี้มี อัฏฐกร อินทร์ศร สจ.เขต อ.ปากช่อง จากพรรคพลังประชารัฐ และ มิชา พงษ์สว่าง นายก อบต.หนองสาหร่าย จากพรรคภูมิใจไทย พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ จากพรรคเพื่อชาติ และ พงษ์ศิริ กุสุมภ์ อดีต สว.นครราชสีมา จากพรรคชาติพัฒนา เป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้ ซึ่งเขตนี้ถือเป็นเขตช้างชนช้างอีกเขตหนึ่งของ จ.นครราชสีมา ผลแพ้ชนะคะแนนสูสีแบบหายใจรดต้นคอเลย ทีเดียว

เขตเลือกตั้งที่ 13 อ.ด่านขุนทด เทพารักษ์ และสีคิ้ว เดิมสนามเลือกตั้งเขตนี้ วิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ หรือ สส. ต๋อง จากภูมิใจไทยเป็นเจ้าของเก้าอี้ ซึ่งเลือกตั้งครั้งนี้ วิสิทธิ์ ยังคงอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ฐานเสียงหลักอยู่ในเขต อ.ด่านขุนทด โดยมี รชตะ ด่านกุล อดีต สจ.ด่านขุนทด จากพรรคเพื่อไทย ที่มีฐานเสียงในเขต อ.ด่านขุนทด และ ยังหวังฐานเสียงเดิมของ ประเสริฐ จันทรรวงทอง จาก 6 ตำบลของ อ.สีคิ้ว ที่แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่กว่า 4.2 หมื่นเสียง  มาช่วยเติมพลัง  นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่าง จำลอง ครุฑขุนทด จากพลังประชารัฐ มาลงชิงชัยอีกคน

เขตเลือกตั้งที่ 14 อ.ขามสะแกแสง พระทองคำ และคง เดิม สุชาติ ภิญโญ จากพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าของเก้าอี้ เลือกตั้งครั้งนี้ได้ 5 ตำบลของ อ.โนนไทย มาเพิ่มอีก โดยฐานเสียงหลักของ สุชาติ อยู่ในเขต อ.คง และขามสะแกแสง

แต่ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นงานหนักของพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคพลังประชารัฐส่ง พจน์ เจริญสันเทียะ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 5 มาท้าชิงเก้าอี้ นอกจากนี้พรรคภูมิใจไทยยังส่ง ไพศาล เกียรติชัยพัฒน กำนัน ต.เมืองคง อ.คง มาเป็นคู่ท้าชิงอีกคน โดยฐานเสียงหลักของกำนันไพศาล อยู่ที่กำนันและผู้ใหญ่บ้านในเขต อ.คง และขามสะแกแสง เป็นอีกเขตที่น่าจับตา

ต้องจับตาการประลองกำลังของพรรคใหญ่ต่างๆ ที่ระดมสรรพกำลังเข้าชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ 14 ที่นั่งจาก จ.นครราชสีมา เมืองใหญ่แห่งภาคอีสาน ถือเป็นพื้นที่ฐานสนับสนุนสำคัญในการครองอำนาจรัฐ