ลูกสาวเหยื่อสาดน้ำกรดขอร้องเพลงให้แม่ฟังเป็นครั้งสุดท้าย

ขอนแก่น-หลายหน่วยงานยื่นมือช่วยบุตรสาวเหยื่อสาดน้ำกรด ขณะที่เจ้าตัวเผยเป็นลูกศิษย์ครูอ้วนเตรียมร้องเพลงให้แม่ฟังวัดเผา และจะเป็นเสาหลักเลี้ยงครอบครัวต่อไป

นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม รอง ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายอลงกต  วรกี ปลัดจังหวัดขอนแก่น และนายสุธี  ศรสวรรค์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 10 ม.9 บ.แสงอรุณ ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ช่อลัดดา  ทาระวัน อายุ 38 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สามีใหม่ใช้น้ำกรดสาดที่ใบหน้าจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 พ.ย.61เพื่อเคารพศพผู้เสียชีวิตและให้กำงใจครอบครัว และแจ้งถึงมาตรการการให้ความช่วยเหลือตามที่หน่วยงานราชการกำหนด

เบื้องต้นมีการอนุมัติเงินช่วยเหลือจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 10,000 บาท เงินช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม 110,000 บาท นอกจากนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะทำเรื่องการศึกษาของบุตรสาววัย12ปีของผู้เสียชีวิตจากกรุงเทพฯ มาที่ขอนแก่น เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ตามระเบียบของทางราชการคือการเรียนฟรีจนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ขณะเดียวกัน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะทำเรื่องครอบครัวอุปถัมภ์เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือแบบรายเดือนตามระเบียบที่กำหนด

“บุตรสาวของผู้ตายมีความสามารถในการร้องเพลงและการแสดงได้เข้าการเรียนจากครูอ้วน น.ส.มณีนุช  เสมรสุต จนคว้ารางวัลด้านต่างๆมาอย่างมากมายจุดนี้ต้องประสานกับทางโรงเรียนในการเข้าร่วมชมรมทูบีนัมเบอร์วัน เพื่อให้ความรู้ความสามารถที่ได้รับการเรียนจากครูศิลปินชื่อดังของไทยมาถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเพื่อนๆในโรงเรียน เพื่อให้ได้กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นอนาคตของชาติที่สำคัญต่อไปในอนาคต” นายสันติ  กล่าว

นางทองอาจ ทาระวัน อายุ  59 ปี แม่ของ น.ส.ช่อลัดดา กล่าวว่า ขอสงสัยและการติดใจเอาความ กรณีโรงพยาบาลพระราม 2 ที่ไม่รักษาลูกสาวคงต้องให้ผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญทางกฎหมายพวกเราชาวบ้านตาดำๆอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลนั้นไม่มีความรู้หรือเงินทองมากมายที่จะไปต่อสู้กับผู้มีอำนาจครอบครัวหวังว่าสักวันจะออกมาขอโทษ ครอบครัว มาขอโทษลูกสาวบ้าง เพราะหากโรงพยาบาลให้การรักษาหรือช่วยเหลืออะไรลูกสาวอาจจะมีชีวิตรอดหรืออย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ลูกสาวมีลมหายใจเพื่อรอให้ครอบครัวได้เดินทางไปพบได้ทันเป็นครั้งสุดท้าย

ขณะที่บุตรสาวของน.ส.ช่อลัดดา เปิดเผยว่า จะใช้ความสามารถที่เรียนมากับครูอ้วน ด้วยการร้องเพลงหน้าหีบศพแม่ในงานฌาปนกิจศพวันที่ 14พ.ย.2561 จากนั้นจะย้ายมาอยู่กับยายที่ขอนแก่นจากนี้ไปคงต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ด้วยการนำความรู้ความสามารถที่เรียนมาจากครูอ้วน เดินตามความฝันและเลี้ยงดูครอบครัวโดยเฉพาะคุณยายต่อไปอย่างเต็มความสามารถ

ทั้งนี้ช่วงระหว่างการพูดคุยร่วมกันกับคณะของรองผวจ.ขอนแก่นกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต บุตรสาวยังอยู่ในอาการโศกเศร้าและน้ำตาซึมอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ตามร่างกายยังคงมีร่องรอยบาดแผลที่เกิดขึ้นจากน้ำกรดในช่วงที่นำร่างของแม่ส่งโรงพยาบาลพระราม  2 และโรงพยาบาลบาลมด ซึ่งรองผวจ.ขอนแก่นได้มีคำสั่งให้สาธารณสุขอ.แวงใหญ่ส่งทีมแพทย์ดูแลบาดแผลและเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย