ผู้การบุรีรัมย์สั่งตั้ง3ข้อหา ตร.ซิ่งกระบะชนรถรีเฟอร์ ทำพยาบาลสาวดับ

ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ มอบเงินช่วยครอบครัวพยาบาลสาว เหยื่อตำรวจเมาขับกระบะข้ามเลนชนรถรีเฟอร์ดับ สั่งตั้ง 3 ข้อหาเอาผิด

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ความคืบหน้ากรณีรถกระบะ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เสียหลักข้ามเลนพุ่งชนประสานงากับรถพยาบาลของ โรงพยาบาลประโคนชัย บนถนนสายบุรีรัมย์ – ประโคนชัย ช่วงระหว่างบ้านไทร-ไพบูลย์ ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย จนรถพยาบาลคันดังกล่าวพลิกคว่ำตกข้างทาง ส่งผลให้ น.ส.สุดารัตน์ หรือดา เชื่อมาก อายุ 25 ปี พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน(รพ.สต.) เขาคอก ที่นั่งมาในรถรีเฟอร์ เสียชีวิต ส่วนผู้ป่วย ญาติ และคนขับรถ ได้รับบาดเจ็บ 5 คน เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 15 ต.ค.

ต่อมาทราบว่าคนขับรถกระบะคือ ร.ต.อ.เดชา เปรียบสม รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.ประโคนชัยนั้น

ล่าสุด พ.ต.อ.วีรพล เจริญศิริ รักษาการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.สุรชัย สังขพัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.บุรีรัมย์ ได้เดินทางไปเคารพศพ น.ส.สุดารัตน์ ที่ บ้านมะขามเจรอะ ต.จันดุม อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ พร้อมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลือในการจัดงานศพแก่บิดา ของพยาบาลด้วย

พ.ต.อ.วีรพล ได้ให้ความมั่นใจและแจ้งความคืบหน้าของคดีให้แก่ครอบครัว รวมถึงเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิตได้รับทราบด้วยว่า ล่าสุดได้ออกคำสั่งมอบหมายให้พนักงานสอบสวนจากส่วนกลางของภูธรจังหวัดลงไปทำคดีดังกล่าวด้วยความรอบคอบรัดกุม และรวดเร็ว ทั้งเน้นย้ำให้ความเป็นธรรมแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่าย

พ.ต.อ.วีรพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลหลักฐานเบื้องต้น เชื่อว่า ร.ต.อ.เดชา มีความผิดจริง จึงได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนตั้ง 3 ข้อหากับ ร.ต.อ.เดชา คือ 1.) ขับรถไม่สวมแผ่นป้ายทะเบียน 2.) ขับรถประมาทให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 3. ขับรถขณะมึนเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

โดยเบื้องต้น ร.ต.อ.เดชา ยอมรับสารภาพ 2 ข้อหา แต่ปฏิเสธข้อหาเมาแล้วขับ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา โดยจะต้องทำการสอบสวนหลายฝ่ายที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยเฉพาะการที่ไม่ยอมให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ น่าจะเป็นหลักฐานที่ศาลเชื่อได้ว่าเมาสุราหรือไม่

ทั้งนี้ได้มีการตั้งพนักงานสอบสวนชุดใหม่ขึ้นมา 6 นาย เพื่อทำคดีดังกล่าวให้อย่างตรงไปตรงมา และเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าตำรวจเป็นฝ่ายผิด ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น ไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน