posttoday

สยบข่าวลือหมอยันวัคซีนโรคหัดไม่ได้ผลิตมาจากหมู

11 ตุลาคม 2561

สงขลา-สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่12สงขลายันวัคซีนโรคหัดไม่ได้ผลิตมาจากหมูมาเลเซีย-อินโดฯก็ใช้ให้ผู้ปกครองนำบุตรหลานมาฉีดให้ครบตามเกณฑ์

สงขลา-สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่12สงขลายันวัคซีนโรคหัดไม่ได้ผลิตมาจากหมูมาเลเซีย-อินโดฯก็ใช้ให้ผู้ปกครองนำบุตรหลานมาฉีดให้ครบตามเกณฑ์

ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล  ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคหัดที่จังหวัดยะลายังมีการเกิดโรคต่อเนื่องและมีการระบาดครอบคลุม จากรายงานสถานการณ์1 ม.ค.-10 ต.ค.61พบผู้ป่วย 429  ราย สูงสุดที่จ.ยะลา 282 ราย เสียชีวิต 5 ราย  รองลงมา  จ.ปัตตานี 61 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในจังหวัดอื่นพบสัดส่วนการระบาดที่สูงในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายก็มีอายุต่ำกว่า5ปีสาเหตุเกิดจากการไม่ได้รับวัคซีน และได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ประชาชน  มีความเข้าใจผิดคิดว่า  วัคซีนผลิตมาจากส่วนประกอบของหมูจึงปฏิเสธการรับวัคซีนอีกทั้งความครอบคลุมของวัคซีน ในพื้นที่ที่มีเด็กเสียชีวิตต่ำกว่าร้อยละ 60ซึ่งตามเกณฑ์ที่กำหนดต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 จึงจะสามารถป้องกันโรคหัดได้ ยืนว่าวัคซีนโรคหัดที่นำมาใช้ในไทย เป็นวัคซีนที่ปลอดภัยไม่มีส่วนประกอบมาจากหมู  เป็นวัคซีนที่มีการใช้กันทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศมุสลิม  เช่น  ประเทศมาเลเซีย  อินโดนีเซีย เป็นต้น

นอกจากนี้วัคซีน  ยังมีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัด และป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคได้   ขอเน้นย้ำให้ประชาชนที่มีบุตรหลาน ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโรคหัดมารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านฟรี และหากเด็กในปกครอง มีไข้ ไอ  มีผื่นแดงและตาแดง ให้แยกเด็กออกไม่ให้สัมผัสกับเด็กอื่น เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ และในกรณีที่ในบ้านที่มีเด็กสัมผัสร่วมบ้านกับผู้ป่วย หากไม่ได้รับวัคซีนหรือฉีดวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์  ให้ผู้ปกครองนำเด็กไปฉีดวัคซีนให้ครบ หรือในกรณีของเด็กนักเรียน หากมีอาการข้างต้นให้หยุดอยู่บ้าน เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์เช่นกัน

ขณะนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินฯ โรคหัดขึ้น  (EOC) พร้อมทั้งได้ควบคุมการระบาดของโรคหัดในพื้นที่จังหวัดยะลา  ด้วยมาตรการ  323  หาให้ครบ ฉีดให้ทันโดยลงพื้นที่เชิงรุกดำเนินการวินิจฉัยโรคให้เร็ว แจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ทราบภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อสอบสวนโรค หาผู้สัมผัสโรคให้ครบ ภายใน 2 วัน และดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้สัมผัสโรคภายใน 3 วัน พร้อมกันนี้ สคร.12 สงขลา ได้ร่วมประชุม EOC เพื่อให้ข้อเสนอแนะทางวิชาการและสนับสนุนวัคซีนโรคหัดแก่พื้นที่แล้วโรคหัด เป็นโรคไข้ออกผื่น พบได้ทุกวัย และพบได้บ่อยในเด็กเล็ก อายุ 1-6 ปี เกิดจากเชื้อไวรัส  Measles ซึ่งพบได้ในจมูกและลำคอของผู้ป่วย ติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยการไอ จาม หรือพูดกันในระยะใกล้ชิด เชื้อไวรัส จะกระจายอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย และเข้าสู่ร่างกายโดยทางการหายใจ บางครั้งเชื้ออยู่ในอากาศเมื่อหายใจเอาละอองที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส   เข้าไปก็ทำให้เป็นโรคได้ ถ้าไม่มีภูมิต้านทาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

อาการของโรคหัด เริ่มด้วยมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง ตาแฉะและกลัวแสง อาการต่างๆ จะมากขึ้นพร้อมกับไข้สูงขึ้น และจะสูงขึ้นเต็มที่เมื่อมีผื่นขึ้นในวันที่ 4 ลักษณะผื่นนูนแดงติดกันเป็นปื้น ๆ โดยจะขึ้นที่หน้า บริเวณชิดขอบผม แผ่กระจายไปตามลำตัว แขน ขา เมื่อผื่นแพร่กระจายไปทั่วตัว ซึ่งกินเวลาประมาณ 2-3 วัน ไข้ก็จะเริ่มลดลง ผื่นระยะแรก  มีสีแดงจะมีสีเข้มขึ้นเป็นสีแดงคล้ำ หรือน้ำตาลแดง บางครั้งจะพบผิวหนังลอกเป็นขุย การตรวจในระยะ 1-2 วัน ก่อนผื่นขึ้นจะพบจุดขาวๆ เล็กๆ มีขอบสีแดงๆ อยู่ในกระพุ้งแก้ม จะช่วยให้วินิจฉัยโรคได้ก่อนที่จะมีผื่นขึ้น อาการแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในเด็กเล็กคือ หูส่วนกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ อุจาระร่วง สมองอักเสบ อุจจาระร่วง สมองอักเสบ พบได้ประมาณ 1 ใน 1,000 ราย ซึ่งจะทำให้มีความพิการเหลืออยู่ ถ้าไม่เสียชีวิต

ทั้งนี้ โรคหัดป้องกันด้วยการฉัดวัคซีน ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขให้วัคซีนป้องกันโรคหัด 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเด็กอายุ 9-12 เดือน ครั้งที่ 2 เมื่อเด็กอายุ 2 ปี ครึ่ง โดยให้ในรูปของวัคซีนรวมป้องกันโรคคางทูม หัด หัดเยอรมัน (MMR) หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคหัดสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

เครดิคภาพ http://psu10725.com