posttoday

ลุยค้นป่าไทรโยคเพิ่ม10ต.ค. คาดซากชิ้นส่วนหมีอาจถูกโยนทิ้งน้ำ

09 ตุลาคม 2561

เจ้าหน้าที่เตรียมเข้าตรวจสอบเพิ่มเติมภายในลำห้วยใกล้จุดตั้งแคมป์ของแก๊งปลัดออฟโรด เชื่อซากชิ้นส่วนสัตว์ป่าอาจถูกโยนทิ้งน้ำเช่นเดียวกับกรณีเสือดำ

เจ้าหน้าที่เตรียมเข้าตรวจสอบเพิ่มเติมภายในลำห้วยใกล้จุดตั้งแคมป์ของแก๊งปลัดออฟโรด เชื่อซากชิ้นส่วนสัตว์ป่าอาจถูกโยนทิ้งน้ำเช่นเดียวกับกรณีเสือดำ

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. พ.ต.ท.สนธยา ฉายเกียรติขจร สว.สส.สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดในคดีที่กลุ่มออฟโรดนำโดยปลัดอำเภอถูกจับกุมพร้อมอาวุธปืนและซากหมีขอ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมเป็นครั้งที่สอง ในจุดแรกที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไทรโยค เข้าไปพบคณะออฟโรด บริเวณป่าเขาพลู หมู่ที่ 8 ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค 1.2 กิโลเมตร แต่ปรากฏว่า ไม่พบพยานวัตถุเพิ่มเติมในจุดดังกล่าว นอกเหนือจากที่เมื่อวันที่ 8 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตรวจพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. จำนวน 25 ปลอก และปลอกกระสุนปืน .45 มม. จำนวน 6 ปลอก รวม 31 ปลอก

อย่างไรก็ตามในวันที่ 10 ต.ค. เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไทรโยค และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จะได้ร่วมกันลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีพยานวัตถุหลงเหลืออยู่ในพื้นที่อีก รวมทั้งจะตรวจหาพยานวัตถุในลำห้วยซึ่งอยู่ข้างแคมป์ที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าพักแรม ภายในสำนักสงฆ์เต่าดำ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ซากชิ้นส่วนของสัตว์ป่า อาจจะถูกโยนทิ้งลงไปในน้ำ เช่นเดียวกับกรณีเสือดำ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบซากชิ้นส่วน รวมทั้งเศษกระดูกของเสือดำในลำห้วย ก็เป็นได้

ขณะที่ นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ในฐานะผู้เสียหาย ที่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อส่งมอบวัตถุพยานที่พบ พร้อมทั้งให้ปากคำในคดี ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ผ่านไปนานกว่า 6 ชม.แล้ว ยังคงให้ปากคำไม่แล้วเสร็จ

นายพนัชกร เชื่อมั่นว่า จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานที่พบและสามารถรวบรวมได้ขณะนี้ สามารถชี้ชัดได้ว่า กลุ่มผู้ต้องหา ตั้งใจเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานฯ อย่างแน่นอน และจากคำให้การของ อาสาสมัครรักษาดินแดน หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา ที่ระบุว่า ได้ซื้อซากหมีขอมาจากชาวบ้าน เชื่อว่าเป็นเพียงคำกล่าวอ้างเท่านั้น เนื่องจากในบริเวณดังกล่าวไม่มีบ้านผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงฐาน ตชด. และหน่วยของ อุทยานฯ เท่านั้น อีกทั้งโดยปกติชาวบ้านจะไม่มีใครกล้านำซากสัตว์ป่ามาขายให้กับบุคคลที่พบอย่างแน่นอน เพราะเกรงว่าบุคคลดังกล่าวจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ