น้องสาวร้องหมอลืมผ้าก๊อซไว้ในท้องพี่ชายหลังผ่าตัดไตจนเสียชีวิต

น้องสาวเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่นให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังหมอลืมผ้าก๊อซไว้ในท้องพี่ชายที่เข้าผ่าตัดเนื้องอกในไต จนอาการทรุดเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. นายวสันต์ ชูชัย ทนายความอาสา ประจำ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นางบุญถม ลายภูเขียว อายุ 43 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น มีความบกพร่องในการรักษา จากการรักษา นายแอ๊ด ลายภูเขียว อายุ 53 ปี พี่ชาย จนเสียชีวิต

นางบุญถม กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยพี่ชายมีอาการปวดท้อง เป็นไข้ จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยทีมแพทย์ได้ทำการรักษาและระบุว่าเป็นโรคในไต แพทย์จึงมีคำสั่งให้รักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาโดยนอนพักที่โรงพยาบาลได้ 3 วัน แพทย์จึงมาพบญาติและบอกว่า พบเนื้องอกในไตพี่ชาย ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งญาติได้หใแพทย์ทำการรักษาตามขั้นตอน

กระทั่งแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านเพื่อไปพักฟื้น จึงรับตัวพี่ชายกลับบ้านที่ อ.สีชมพู หลังผ่านไป 2 สัปดาห์ พี่ชายมีอาการทรุดลง มีอาการปวดท้อง และท้องนูนขึ้น รับประทานอะไรไม่ได้ ครอบครัวจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลในอำเภอ แพทย์ได้ทำการอัลตร้าซาวด์พบผ้าก๊อซอยู่ภายในท้อง จึงรีบส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ทำการผ่าตัดพี่ชาย

เมื่อพี่ชายถูกส่งตัวไปถึงโรงพยาบาลที่รักษาในครั้งแรก ทีมแพทย์ก็รีบทำการผ่าตัดเอาผ้าก๊อซออกและทำการรักษาทันที ซึ่งพี่ชายมีอาการทรุดตัวลงอย่างเห็นได้ชัดและต้องอยู่ในห้องไอซียูนาน 13 วัน และพักฟื้นในห้องพิเศษของดรงพยาบาลอีก 2 วัน จากนั้นแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้

โดยก่อนที่จะอนุญาตให้กลับบ้านนั้น แพทย์เจ้าของไข้ ได้มีการทำเอกสารสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งเขียนขึ้นที่โรงยาบาลดังกล่าว โดยเนื้อหาระบุว่าเป็นการช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายในกรณีที่ทำการผ่าตัดรักษาบกพร่อง เป็นเหตุให้พี่ชายตนได้รับความเสียหายและต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลอีกครั้ง โดยโรงพยาบาล และแพทย์ ได้ชดเชยเงินให้ 40,000 บาท ซึ่งญาติไม่ทราบถึงข้อกฎหมายใดๆ จึงลงนามในเอกสารดังกล่าวเพราะโรงพยาบาลบอกว่าเป็นค่าชดเชยจากการรักษาที่บกพร่อง แต่เมื่อพี่ชายกลับมาบ้านพักอาการก็ทรุดลง เดินไม่ได้ และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา

ครอบครัวได้ตัดสินใจปรึกษาทนายความ และ เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและชดเชยค่าเสียหาย เนื่องจากพี่ชายได้เสียชีวิต โดยครอบครัวได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 300,000 บาท แยกเป็นค่าจัดการศพ 100,000 บาท และ ค่าเสียหาย 200,000 บาท

ขณะที่ นายวสันต์ ชูชัย ทนายความอาสา ประจำ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การเข้ายื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมขอนแกนดังกล่าวนี้ เพื่อต้องการให้ศูนย์ดำรงธรรมได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีการเจรจาร่วมกันในทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมและเป็นที่พอใจร่วมกัน รวมทั้งเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยจากนี้ไปคงเป็นขั้นตอนของศูนย์ฯในการนัดทุกฝ่ายมาร่วมหารือกัน ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกัน

ส่วนในทางคดีความต้องรอผลการพิสูจน์ เพราะหากเป็นการกระทำผิดที่เกิดขึ้นจากการรักษาจริงแพทย์เจ้าของไข้ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำการประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของผู้เสียหายนั้นยังคงเก็บศพของผู้ตายไว้จนกว่าการตรวจสอบใดๆจะแล้วเสร็จ