posttoday

นักธุรกิจขอนแก่นเผยสื่อนำภาพไปประกอบข่าวทำเสียหาย ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี

20 กันยายน 2561

นักธุรกิจหญิงขอนแก่นแถลงยืนยันไม่เกี่ยวข้องคดีอมเงินตำรวจ หลังถูกสื่อนำภาพขณะเข้าพบตำรวจที่รู้จักที่ บช.ภ.4 ไปประกอบข่าวจนเกิดความเข้าใจผิด

นักธุรกิจหญิงขอนแก่นแถลงยืนยันไม่เกี่ยวข้องคดีอมเงินตำรวจ หลังถูกสื่อนำภาพขณะเข้าพบตำรวจที่รู้จักที่ บช.ภ.4 ไปประกอบข่าวจนเกิดความเข้าใจผิด

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายสุรสิทธ์ ทุมมา ประธานสภาทนายความ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นางสัมฤทธิ์ มหาโยธารักษ์ นักธุรกิจชื่อดัง จ.ขอนแก่น และ น.ส.อิชยา กสิกรรม อายุ 19 ปี ได้ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนหลัง มีภาพของ นางสัมฤทธิ์ และ น.ส.อิชยา ปรากฏในข่าวตามสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2561 จนเกิดความเข้าใจคาดเคลื่อน ทั้งที่ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต รอง ผบช.สกพ.( รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีการทุจริตโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย แต่อย่างใด

นางสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ในวันดังกล่าวได้เดินทางมาพร้อมกับหลานสาว เพื่อมาพบกับข้าราชการตำรวจที่เป็นที่รู้จักกันใน บช.ภ.4 โดยไม่ทราบว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบปากคำและดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีฉ้อโกงของตำรวจภูธร จ.เลยแต่อย่างใด โดยพบข้าราชการตำรวจและสื่อมวลชนจำนวนมาก อยู่ภายใน ตำรวจภูธรภาค 4 โดยตนเองและหลานสาวได้เดินขึ้นไปพบกับผู้ใหญ่ใน ภ.4 และเดินทางกลับ ก็พบว่ามีสื่อมวลชนนั้นได้มาบันทึกภาพและเผยแพร่ผ่านสื่อโดยมีระบุว่าตนและหลานสาวเป็นผู้ต้องหา

"ในช่วงเย็นของวันที่ 18 และ ช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ย. ได้มีเพื่อนๆมาสอบถามว่าไปร่วมกับคดีความนี้ได้อย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัวก็งง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอยู่แล้ว วันที่ 18 ก.ย. ก็ได้เดินทางไปพร้อมกับหลานสาว เพื่อพบผู้ใหญ่ใน ภ.4 โดยไม่ทราบว่ามีการสอบสวนและกำลังทำคดีสำคัญอยู่ จนกระทั่งมีภาพไปปรากฏในสื่อฯและถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องหาในคดี ทำให้ขณะนี้ครอบครัวเสียหายอย่างมาก เพราะถูกสังคมมองว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญนี้ ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ซึ่งนอกจากชื่อเสียงจะเสียหายแม้จะไม่มีชื่อในข่าวแต่ภาพที่ปรากฏและนำเสนอผ่านสื่อไปนั้นก็ทำให้เสียหายทั้งชื่อเสียง เสียหายทั้งธุรกิจและที่สำคัญครอบครัวกลัวว่าจะถูกทำร้ายได้ เพราะคดีนี้ผู้เสียหายเป็นตำรวจ จึงได้ปรึกษากับทนายความในการดำเนินการชี้แจงต่อสื่อมวลชนเพื่อให้แก้ไขข่าวและชี้แจงในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น"นางสัมฤทธิ์กล่าว

ขณะที่นายสุรสิทธิ์ กล่าวว่า ทีมทนายความได้มีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งเป็นภาพที่สื่อนำเสนอข่าวไป โดยเบื้องต้นว่าพบว่า มีสื่อ 3 แห่ง นำภาพของผู้เสียหายทั้ง 2 คนไปประกอบในข่าว ซึ่งแม้ว่าในเนื้อหาข่าวนั้นไม่มีชื่อของผู้เสียหาย แต่ภาพที่ปรากฎนั้นยืนยันได้ถึงตัวบุคคล จึงก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น

อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นหากมีการพูดคุยกันและได้ข้อสรุปก็จะมีการพิจารณากันอีกครั้งว่าจะดำเนินการทางคดีอย่างใด ซึ่งในเบื้องต้นได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆไว้แล้วในการดำเนินคดี 2 ข้อหา คือความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ และ หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา รวมทั้งจะมีการดำเนินคดีทางแพ่งด้วย

นักธุรกิจขอนแก่นเผยสื่อนำภาพไปประกอบข่าวทำเสียหาย ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี