ฝีมือคนไทยเทียบเท่าของนอก!ถุงทวารเทียมช่วยผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่
สงขลา-แพทย์ม.อ.ร่วมภาครัฐและเอกชนเผยผลวิจัยนวัตกรรมถุงทวารเทียมทำจากยางพาราช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คุณภาพเทียบเท่าต่างประเทศลดการนำเข้า
สงขลา-แพทย์ม.อ.ร่วมภาครัฐและเอกชนเผยผลวิจัยนวัตกรรมถุงทวารเทียมทำจากยางพาราช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คุณภาพเทียบเท่าต่างประเทศลดการนำเข้า
เมื่อวันที่12 ก.ย. 61 เวลา 11.00น.ที่ห้องประชุมจันผา โรงแรมบุรีศรีภูบูติค อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) พร้อมด้วยทีมวิจัย และภาคเอกชน ร่วมกันแถลงผลการคิดค้นนวัตกรรมทางการแพทย์ THAI Colostomy Bags ชุดอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม“จากคนไทย สู่คนไทย” หลังใช้เวลาในการคิดค้น และทดลองมานานกว่า 5 ปี กระทั่งสำเร็จ และเริ่มนำมาใช้งานจริงในโรงพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่ไม่สามารถขับถ่ายได้ทางทวารหนักตามปกติ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย เนื่องจากก่อนหน้านี้ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ และมีราคาแพง
ปัจจุบันชุดอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากถวายเทียมมีอยู่หลากหลายชนิด และประเทศไทย ยังไม่สามารถผลิตอุปกรณ์ชนิดนี้ได้เองในเชิงอุตสาหกรรม จึงต้องนำเข้าแต่เพียงอย่างเดียว และมีราคาแพง ในขณะที่ภาครัฐต้องเสียงบประมาณสูง และโรงพยาบาลหลายแห่ง ได้พยายามดัดแปลงอุปกรณ์ใช้แทนถุงทวารเทียมในรูปแบบต่างๆ แต่ประสบปัญหาระหว่างการใช้งานจริง และมีภาวะแทรกซ้อน ทั้งระคายเคือง แป้นรั่วซึม หลุดง่าย และกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ขณะที่ยอดผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ถุงทวารเทียมเฉพาะภาคใต้มีมากกว่า 1 แสนคน และส่วนใหญ่มีฐานะยากจน
กระทั่งทางทีมวิจัยได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน จนสามารถคิดค้น และประดิษฐ์ THAI Colostomy Bags หรือ ชุดอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายจากทวารเทียม ซึ่งเป็นนวัตกรรม ที่ผลิตมาจากยางพาราภายในประเทศได้สำเร็จ และมีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศ หลังต้องใช้เวลามานานกว่า 5 ปี และได้รับรางวัลในระดับนานาชาติ พร้อมกับจดสิทธิบัตร ก่อนที่จะผ่านขึ้นตอนสุดท้าย คือการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ทีมวิจัยยังได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการผลิตชุดถุงทวารเทียมขึ้นมาทั้งหมด4,000ชุดเพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาล 5 แห่งในภาคใต้ทั้งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) โรงพยาบาลตรัง โรงพยาบาลนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลสุราษฏร์ธานี และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต รวมทั้งมอบให้แก่ตัวแทนของผู้ป่วยจากโรงพยาบาลยะลา และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์.