4เขื่อนยังวิกฤตน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม เร่งระบายรับมือฝนตกหนัก
เขื่อนแก่งกระจาน วชิราลงกรณ ขุนด่านฯ น้ำอูน วิกฤตมีน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม กรมชลประทานปรับแผนเร่งพร่องน้ำรับมือไทยฝนตกหนัก
เขื่อนแก่งกระจาน วชิราลงกรณ ขุนด่านฯ น้ำอูน วิกฤตมีน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม กรมชลประทานปรับแผนเร่งพร่องน้ำรับมือไทยฝนตกหนัก
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก และเขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีขั้นวิกฤตจึงสั่งให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำต่อเนื่องเพื่อรับมือพายุดีเปรสชัน “เบบินคา” แม้ว่าได้เคลื่อนออกจากภาคเหนือตอนบนของไทยเข้าปกคลุมประเทศเมียนมา แต่ยังคงทำให้ไทยฝนตกหนักทุกภาค
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 19 ส.ค. มีปริมาณน้ำ 767 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 108% ของความจุอ่าง น้ำไหลลงอ่างประมาณ 37 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากมีฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของเขื่อนแก่งกระจาน ทำให้มีน้ำไหลลงอ่างมากขึ้น จึงมีการระบายน้ำออกจากอ่างช่องทางปกติและกาลักน้ำ ปริมาณน้ำทั้งหมดจะไหลลงสู่เขื่อนเพชร
ขณะที่เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี (7,759 ล้าน ลบ.ม. หรือ 88% น้ำไหลเข้า 132.05 ล้าน ลบ.ม./วัน น้ำระบาย 41.42 ล้าน ลบ.ม./วัน) พื้นที่ท้ายเขื่อนยังไม่ได้รับผลกระทบ การบริหารจัดการน้ำเร่งพร่องน้ำ โดยเพิ่มการระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนที่เพิ่มขึ้นปริมาณ 41.42 ล้าน ลบ.ม./วัน
ด้านเขื่อนขุนด่านปราการชลมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 194 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 86% ของความจุอ่างเร่งระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม มีน้ำไหลลงอ่างวันละประมาณ 4.04 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่มีการระบายน้ำวันละประมาณ 4 ล้าน ลบ.ม. ยังไม่ส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งแต่อย่างใด ส่วนเขื่อนน้ำอูนมีปริมาณน้ำเก็บกัก 529 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 102% มีน้ำเข้าเขื่อน 3.65 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำออกจากเขื่อน 5.37 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งการระบายน้ำทุกเขื่อนนั้นจะทำให้ประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงทุกอำเภอเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่มตลอด 24 ชั่วโมงเนื่องจากฝนตกหนัก ประกอบกับเขื่อนวชิรลงกรณเพิ่มการระบายน้ำผ่านช่องปกติวันที่ 18-22 ส.ค. เฉลี่ย 43 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 23-27 ส.ค. เป็น 53 ล้าน ลบ.ม. และผ่านทางระบายน้ำล้น (สปิลเวย์) วันละ 10 ล้าน ลบ.ม. อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนลุ่มแม่น้ำได้
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือหลายจังหวัดยังวิกฤต เช่น จ.น่าน ประสบอุทกภัยหนักสุด 9 อำเภอ ที่ จ.เชียงราย หนักสุดที่ ต.แม่คำ อ.แม่จัน พนังดินริมน้ำคำพังน้ำทะลักท่วมกว่า 250 หลังคาเรือน เสียชีวิต 1 ราย เช่นเดียวกับที่ จ.นครพนม น้ำท่วมหนัก 10 อำเภอ และที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งเอ่อท่วมหลายพื้นที่แล้ว หากน้ำยังเพิ่มระดับไม่หยุดจะส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจอน้ำท่วมขยายวงกว้างซ้ำ