posttoday

เขื่อนวชิราลงกรณเพิ่มการระบายน้ำ เตือน 5 อำเภอท้ายน้ำรับมือ

29 กรกฎาคม 2561

เขื่อนวชิราลงกรณ มีปริมาณน้ำสูงสุดทำลายสถิติในรอบ 34 ปี ต้องระบายน้ำเพิ่ม แจ้งเตือน 5 อำเภอพื้นที่ท้ายน้ำรับมือ

เขื่อนวชิราลงกรณ มีปริมาณน้ำสูงสุดทำลายสถิติในรอบ 34 ปี ต้องระบายน้ำเพิ่ม แจ้งเตือน 5 อำเภอพื้นที่ท้ายน้ำรับมือ

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่องแจ้งการปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ ถึง นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายอำเภอทองผาภูมิ นายอำเภอไทรโยค นายอำเภอท่าม่วง และนายอำเภอท่ามะกา โดยรายละเอียดระบุว่า ตามที่อ้างถึงจังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งให้ทราบว่าเขื่อนวชิราลงกรณจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนระหว่างวันที่ 24 ถึงวันที่ 29 ก.ค. 61 จากเดิมอัตราร้อยละ 23 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 28 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมที่เหมาะสมนั้น

ในการนี้ จังหวัดกาญจนบุรีได้รับแจ้งว่าเขื่อนวชิราลงกรณ มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 61 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเขื่อนพยายามควบคุมการระบายน้ำเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านท้ายน้ำตลอดแม่น้ำแควน้อย อันจะทำระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นด้วยเรื่อยๆ เขื่อนวชิราลงกรณ จึงมีความจำเป็นต้องปรับแผนการระบายน้ำตามการประสานงานกับคณะกรรมการบริหารน้ำและกรมชลประทาน และการปรับเพิ่ม การระบายน้ำ เพิ่มมากขึ้น เพื่อทยอยพร่องน้ำออกไป เพราะเขื่อนยังต้องรับน้ำที่จะมีมากตามฤดูกาลของฝนอีกกว่า 2 เดือน

ทั้งนี้เขื่อนวชิราลงกรณ ยืนยันว่าสภาพตัวเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรงมีความปลอดภัยสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง หากมีข้อสงสัยหรือได้รับข่าวต่างๆ ที่ผิดปกติโปรดสอบถามข้อเท็จจริงโดยตรงที่เขื่อนวชิราลงกรณ หมายเลข 0 3459 9077 ต่อ 3111

จังหวัดกาญจนบุรี จึงขอให้ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องผู้ประกอบการตลอดจนประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ ที่อาจได้รับผลกระทบได้รับทราบ สำหรับอำเภอขอให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ทราบต่อไป

ขณะที่ นายธนสาร ฐานะวุฑฒ์ วิศวกรระดับ 11 เขื่อนวชิราลงกรณ ได้รายงานสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ถึง นายอารุณ ปินตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)จังหวัดกาญจนบุรี ดังนี้

1.จากสถานการณ์น้ำไหลเข้าเขื่อนวชิราลงกรณ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2561 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ลดลง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 61 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากถึง 171 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 3,325 ล้านลูกบาศก์เมตร มากที่สุดทำลายสถิติในรอบ 34 ปี

2.ปริมาณน้ำในเขื่อน ณ ปัจจุบัน (วันที่ 28 ก.ค. 61) อยู่ที่ 77% สูงกว่าเกณฑ์ควบคุม 2 เมตร เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำและช่วงเวลาเดียวกันกับสถิติปีก่อนหน้า (28 ก.ค.ของทุกปี) พบว่าปีนี้สูงที่สุดในรอบ 34 ปีเช่นเดียวกัน เหลือความจุรองรับน้ำได้อีก 2,056 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 23 %

3.เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ยังคงมีแนวโน้มน้ำไหลเข้าเขื่อนมากอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 00.00-12.00 น. มีน้ำไหลเข้าเขื่อนรวม 80 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าตลอดทั้งวันนี้จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากใกล้เคียงกับเมื่อวันที่ 27 ก.ค.61

ขณะที่เขื่อนพยายามควบคุมการระบายน้ำในอัตราไม่เกินวันละ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านท้ายน้ำตลอดแม่น้ำแควน้อย ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีอัตราการเพิ่มขึ้นของน้ำในอ่าง 145 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน น้ำเข้า 170 น้ำออก 25 ล้าน ลบ.ม. จะเห็นว่าหากสถานการณ์น้ำไหลเข้าเขื่อนยังคงไม่ลดลง ช่วงช่องว่างที่เหลืออยู่ 2,056 ล้าน ลบ.ม. (23%) จะรับได้อีกไม่นาน จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีความเสี่ยงอย่างมาก ที่จะมีน้ำเต็มเขื่อนจนต้องระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำฉุกเฉินสปิลเวย์ เหมือนเช่นปี 2537 ปี 2540 และปี 2545 ซึ่งระดับน้ำในเขื่อนขณะนี้สูงกว่าระดับน้ำใน 3 ปีที่มีการเปิดสปิลเวย์

ดังนั้น เพื่อบริหารจัดการน้ำในอ่างให้เหมาะสม เกิดผลกระทบในภาพรวมน้อยที่สุด อาจจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำมากขึ้นเพื่อทยอยพร่องน้ำออกไปเนื่องจากเขื่อนยังต้องรับน้ำที่จะมีมากตลอดฤดูกาลของฝนอีกกว่า 2 เดือน ดังนั้นเขื่อนวชิราลงกรณ จะปรับแผนการระบายน้ำตามการประสานงานกับคณะกรรมการบริหารน้ำและชลประทาน และขอยืนยันว่าสภาพตัวเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัยสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง