posttoday

"ผู้การสุทิพย์"ขอจ่ายเงินใช้หนี้ตำรวจเลยสัปดาห์ละ30ล.

17 กรกฎาคม 2561

ขอนแก่น-รองผบช.ภ.4เผยผู้การสุทิพย์ขอจ่ายเงินใช้หนี้ตำรวจเลยสัปดาห์ละ30ล้านบาทเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป

ขอนแก่น-รองผบช.ภ.4เผยผู้การสุทิพย์ขอจ่ายเงินใช้หนี้ตำรวจเลยสัปดาห์ละ30ล้านบาทเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป

พล.ต.ต.ธนาศักดิ์  ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการทุจริตเงินโครงการบริหารหนี้และรวมหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จ.เลย กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รับการประสานจากพล.ต.ต.สุทิพย์  ผลิตกุศลธัช รองผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวว่าจะทยอยส่งคืนเงินให้กับข้าราชการตำรวจ ทั้ง 192 นาย วงเงินรวม 229 ล้านบาท โดยทำการทยอยผ่อนชำระสัปดาห์ละ 30 ล้านบาทเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการลงบันทึก และประสานแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน หากผู้ต้องหามีการทยอยคืนเงินดังกล่าวจริง เพราะที่ผ่านมาได้รับการประสานงานในลักษณะดังกล่าวนี้มาแล้วหลายครั้งแต่เรื่องก็เงียบหายไป

“ผู้เสียหายที่เป็นข้าราชการตำรวจทุกนายล้วนต้องการได้เงินคืน เพื่อไปใช้หนี้ที่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ ซึ่งในสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ต้องมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสน ตามเงื่อนไขของการประกันตัวเพื่อสู้คดีในคดีความดังกล่าว ซึ่งเรื่องของคดีความก็ว่าไปตามกฎหมาย เพราะไม่มีใครที่อยู่เหนือกฎหมายได้ ดังนั้น เมื่อการต่อสู้ทางคดีที่ผู้ต้องหาใช้ตำแหน่ง รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติยื่นขอประกันตัวไป ซึ่งพนักงานสอบสนได้รวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากในขณะนี้มีการสอบปากคำผู้เสียหายที่เป็นข้าราชการตำรวจไปแล้วทั้งหมด 192 ปาก ซึ่งระยะเวลาในการทำสำนวนการสอบสวนเพื่อส่งให้กับอัยการจังหวัดทำการสั่งฟ้องนั้นตำรวจมีระยะเวลาทำงาน 84 วัน” พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าว

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่อว่า คดีความต้องแยกออกเป็นการเอาผิดทางอาญา ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสนได้แจ้งข้อความกล่าวหาและผู้ต้องหาคือพล.ต.ต.สุทิพย์ ได้ขอใช้ตำแหน่งประกันตัวไป ในส่วนของการเอาผิดทางวินัย บช.ภ.4 ได้สรุปเรื่องให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับทราบแล้ว ส่วนการดำเนินงานเอาผิดทางวินัยอยู่ที่อำนาจสูงสุดของผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาตัดสิน ขณะที่การติดต่อเพื่อขอคืนเงินจำนวน 229 ล้านบาทต่อข้าราชการตำรวจผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะเจรจาขอคืนเงินได้ ซึ่งผู้เสียหายทุกคนล้วนอยากได้เงินคืนเพราะต้องนำไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาเช่นกัน