posttoday

คันแรกของโลกจักรยานผ้าไหมเบาเทียบเท่าคาร์บอนไฟเบอร์

27 มิถุนายน 2561

ขอนแก่น-ม.ขอนแก่นเปิดตัวจักรยานผ้าไหมคันแรกของโลก ถูกกว่าจักรยานทั่วไป 4 เท่า น้ำหนักเบาเทียบเท่าคาร์บอนไฟเบอร์

ขอนแก่น-ม.ขอนแก่นเปิดตัวจักรยานผ้าไหมคันแรกของโลก ถูกกว่าจักรยานทั่วไป 4 เท่า น้ำหนักเบาเทียบเท่าคาร์บอนไฟเบอร์

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.61 เวลา 10.30น. ที่อาคารสิริคุณากร สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.)ผศ.ดร.รัชฎา ตั้งวงศ์ไชย ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.ดร.ลัดดา ตันวาณิชกุล รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. , ผศ.ดร.พนมกร ขวาของ และ ดร.สุธา ลอยเดือนฉาย อาจารย์ภารวิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มข.ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวผลงานวิจัยจักรยานผ้าไหม คันแรกของโลก จากผลงานนักวิจัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. ท่ามกลางความสนใจจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสื่อมวลชนร่วมในงานดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

ผศ.ดร.พนมกร ขวาของ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณวิศวกรรมศาสตร์ มข. กล่าวว่า จักรยานผ้าไหมคันแรกของโลก 2 คันต้นแบบ เป็นการนำวัสดุใหม่มาทดแทนโครงรถจักรยานที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบาแต่มีราคาสูงถึงโครงละ 40,000-100,000 บาท ในขณะที่โครงจักรยานไหมมีต้นทุนการผลิตเพียง 15,000-20,000 บาท ซึ่งถูกกว่าถึง 4 เท่า ทีน้ำหนักเบา มีค่าการยืดหยุ่นตัวสูงเมื่อเทียบกับโครงอลูมิเนียม และจากการทดสอบพบว่าโครงจักรยานที่ทำจากไหมผสมเรซินสามารถรับแรงกด หรือแรง Load ได้มากกว่า 1,300 นิวตัน แรงเค้น หรือ Stress ได้มากกว่า 55 เมกกะปาสคาล และค่าการยืนหยุ่นตัว หรือ Flex Modulus มากกว่า 2,700 เมกกะปาคาล เมื่อเทียบกับโครงรถจักรยานอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเท่ากันที่นำมาทดสอบ


" จักรยานที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ มีน้ำหนักเบา แต่ราคาสูง ขณะที่โครงรถถจักรยานผ้าไหมผสมเรซิ่นที่ประดิษฐ์และคิดค้นขึ้นในครั้งนี้เป็นวัสดุใหม่ที่สามารถนำมาทดแทนโครงรถจักรยานที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่า รับแรงกดได้มากกว่าโครงรถจักรยานอลูมิเนียม ประมาณ 5 เท่า การทดสอบแรงดึงพบว่าสามารถรับแรงดึงได้มากกว่าโครงรถจักรยานที่ทำจากอลูมิเนียมได้ประมาณ 8 เท่า การทดสอบแรงยืดหยุ่น พบว่าโครงจักรยานผ้าไหมสามารถยืดหยุ่นตัวได้มากกว่าอะลูมิเนียม ประมาณ 30 เท่า ซึ่งจะส่งผลดีกับผู้ขับขี่"

ผศ.ดร.พนมกร กล่าวต่ออีกว่า กระบวนการขั้นตอนในการผลิตโครงจักรยานผ้าไหมคันแรกของโลก นั้นเริ่มจากการนำโครงจักรยานต้นแบบมาตัดโครงเก่าออกเพื่อใช้ข้อต่อของจักรยานเดิม จากนั้นใช้เรซิ่นมาเชื่อมผ้าไหมเข้าด้วยกัน เมื่อได้ชิ้นส่วนครบแล้วนำมาประกอบเป็นโครงจักรยานที่มำจากผ้าไหมเข้ากับโครงจักรยานต้นแบบเดิม จากนั้นนำเส้นไหมมาพันโดยรอบโครงจักรยานที่ทำจากผ้าไหมโดยทิ้งเรซิ่นไว้ให้แห้งแข็งตัวเป็นเวลา 3 วัน ต่อด้วยการนำมาขัดผิวสัมผัสให้เรียบเนียนด้วยเครื่องกลึงให้มีความสวยงาม และเข้าสู่ขั้นตอนของการประกอบโครงจักรยานและนำเฟรมส่วนที่รับน้ำหนักจากเบาะถึงแกนล้อหลัง ซึ่งน้ำหนักผ้าไหมที่ใส่เรซิ่นนั้นจะเท่ากับน้ำหนักของเฟรมอลูมิเนียม โดยจักรยานต้นแบนนั้นจะมีสีเหลืองและสีขาว อย่างไรก็ตามทีมงานนักวิจัย ได้จดสิทธิบัตรโครงรถจักรยานที่ทำจากผ้าไหมผสมเรซิ่น เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ มข.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือได้ว่าเป็นการต่อยอดผ้าไหมไทย ที่นำเอาคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแรง และทนทานของไหม มาใช้เป็นวัสดุทดแทน คาร์บอนไฟเบอร์ ที่จะต่อยอดเข้าสูงสนเชิงพาณิชย์ให้กับผู้ที่สนใจได้อีกด้วย

คันแรกของโลกจักรยานผ้าไหมเบาเทียบเท่าคาร์บอนไฟเบอร์

คันแรกของโลกจักรยานผ้าไหมเบาเทียบเท่าคาร์บอนไฟเบอร์