posttoday

"อดีตผู้การฯเลย"อ้างขอเวลาอีกไม่นาน เตรียมจ่ายเงินคืนลูกน้องวันละ30ล้าน

13 มิถุนายน 2561

อดีตผู้การฯเลย ขอทยอยจ่ายเงินคืนวันละ 30 ล้านบาท ปมอมเงินลูกน้อง 229 ล้านบาท ด้าน รองผบช.ภ.4ย้ำขบวนการนี้ไม่ธรรมดา เงินสะพัดร่วม 5,000 ล้านบาทลุยเอาผิด

อดีตผู้การฯเลย ขอทยอยจ่ายเงินคืนวันละ 30 ล้านบาท ปมอมเงินลูกน้อง 229 ล้านบาท ด้าน รองผบช.ภ.4ย้ำขบวนการนี้ไม่ธรรมดา เงินสะพัดร่วม 5,000 ล้านบาทลุยเอาผิด

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ได้รับการประสานงานจาก พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ซึ่งตกเป็นผู้ถูกร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชนจากกรณีการทุจริตเงินโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ ของข้าราชการตำรวจ 192 นาย ในสังกัดตำรวจภูธร จ.เลย โดยในวันนี้เป็นการนัดให้มารายงานตัวและให้ปากคำต่อคณะกรรมการสอบสวน แต่ปรากฎว่าไม่เดินทางมาแต่อย่างใด โดยที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ได้ประสานงานผ่านโทรศัพท์ ในการยืนยันที่จะนำเงินมาคืนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ขอเวลาสักพัก เนื่องจากในขณะนี้เงินทั้งหมดนั้นถูกล็อคระบบในการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเครือข่ายที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ร่วมลงทุนด้วยนั้นสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้แล้ว และพร้อมที่จะนำเงินมาคืนให้กับตำรวจ จ.เลยได้ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ( 14 มิ.ย.) วันละ 30 ล้านบาท จนกว่าจะครบจำนวน 229 ล้านบาทที่ได้นำไป

"การเจรจาหรือการชี้แจงของ พล.ต.ต.สุทิพย์ เป็นสิทธิ์ที่เจ้าตัวทำได้ แต่วันนี้ในเมื่อไม่มารายงานตัวและเข้าให้การกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ บช.ภ.4 ก็หมดเวลาในการเจรจาตามที่ได้ให้โอกาสแล้ว และ พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 ได้แต่งตั้งผมให้เป็น หัวหน้าพนักงานสืบสวนและสอบสวนในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอำนาจทางกฎหมายที่จะเอาผิดกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ในข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีอัตราโทษปรับตั้งแต่ 500,000 – 1,000,000 บาท จำคุก 5-10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

"จากนี้ไปคณะทำงาน ที่ต้องแยกออกเป็นชุดสืบสวน จะต้องลงพื้นที่หาข้อมูลและเชื่อมโยงพฤติกรรมของกลุ่มขบวนการดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ขณะที่ชุดสอบสวน นั้นโดยกลุ่มงานกฎหมายและคดี บช.ภ.4 จะลงพื้นที่ จ.เลย เพื่อสอบปากคำตำรวจทั้ง 192 นาย เพื่อสรุปสำนวนสั่งฟ้องต่อไป ซึ่งจากนี้ไป เรามีเวลาทำงาน 2 เดือนในการสรุปสำนวนคดีที่เกิดขึ้น และวันนี้ได้มีการออกหมายเรียกให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ เข้ามาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาแล้วเป็นครั้งที่ 1 โดยมีกำหนดระยะเวลา 7 วันนับจากนี้"

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า ได้ประสานงานร่วมกับ ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มขบวนการที่เชื่อมโยงกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ที่พบว่าเป็นการร่วมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานไปยัง กลต. ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการนำเงินไปลงทุนหรือไม่ อย่างไรและกลุ่มธุรกิจอะไรบ้าง รวมทั้งการตรวจสอบข้อมูลการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและหลายจังหวัดในภาคอีสาน นอกจากนี้ยังคงมีการประสานงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการตรวจสอบการปันผลกำไรหรือค่าตอบแทนในการลงทุน ต่างๆ เนื่องจาก พล.ต.ต.สุทิพย์ และ กลุ่มขบวนการที่ร่วมลงทุนไปด้วยนั้น ยืนยันในการปันผลกำไรสูงถึงร้อยละ 2.8 ต่อสัปดาห์

"ขบวนการที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ นำเงินของข้าราชการตำรวจ ภ.จว.เลย จำนวน 229 ล้านบาทไปลงทุนนั้นพบว่า มีเครือข่ายขนาดใหญ่และมีผู้ร่วมลงทุนจำนวนมาก ครอบคลุมทุกภูมิภาคของไทย ซึ่งจกาการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีเงินหมุนเวียนมากถึงเดือนละ ไม่ร้อนกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่ง พล.ต.ต.สุทิพย์ เป็น 1 ในสายที่ร่วมลงทุนด้วย ขณะเดียวกันหลังมีการร้องเรียนในประเด็นที่เกิดขึ้น พบว่า มีผู้เสียหาย ทั้งจาก จ.หนองบัวลำภู,ขอนแก่น,เลย และ อีกหลายจังหวัดเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกขบวนการแชร์ลูกโซ่ดังกล่าวนี้หลอกลวง ซึ่ง บช.ภ.4 ได้ตั้งคณะทำงานเข้ามารับผิดชอบคดีนี้โดยเฉพาะ และขณะนี้ตำรวจรู้ตัวผู้ต้องหาที่เป็นนายใหญ่ แล้ว เป็น ชาว จ.หนองบัวลำภู ซึ่งได้ถูกออกหมายจับแล้ว 5 คดี ขณะนี้ยังคงหลบหนีอยู่ภายในประเทศ ดังนั้นการดำเนินคดีของเครือข่ายแชร์ลูกโซ่นี้ ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอน ขอให้ทุกคนสบายใจได้เพราะตำรวจทำงานเป็นทีมและเอาผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ทุกคน"พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าว