"น้องยุ้ย"สาวตาบอดแบ่งเงินบริจาคไปซื้อเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมอบให้รพ.บุรีรัมย์

"น้องยุ้ย" สาวตาบอดแบ่งเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญ ไปซื้อเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมอบให้โรงพยาลศูนย์บุรีรัมย์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือยุ้ย อายุ 26 ปี ชาว ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่พิการตาบอดทั้งสองข้างมานานกว่า 7 ปี และทางบ้านมีฐานะยากจน ต้องเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพัง จนมีประชาชนผู้ใจบุญและหน่วยงานภาครัฐ เอกชน นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือนั้น

ล่าสุดวันนี้ น.ส.สุนิสา พร้อมญาติได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพื่อนำเงินจากที่ได้รับบริจาคจำนวน 50,000 บาท ไปบริจาคต่อให้กับโรงพยาบาลบุรีรัมย์เพื่อใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์หรือเวชภัณฑ์ยาตามที่ตั้งใจ แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่สามารถรับเงินสดที่ น.ส.สุนิสา นำมาบริจาคให้ได้ เนื่องจากเป็นเงินที่ผู้ใจบุญจากทั่วประเทศตั้งใจบริจาคช่วยเหลือน้องยุ้ย แต่หาก น้องยุ้ย มีความประสงค์จะบริจาคจริง ก็แนะนำว่าให้มอบเป็นอุปกรณ์การแพทย์มากกว่า อย่างเช่น เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่ทางโรงพยาบาลมีความจำเป็นต้องใช้และขณะนี้ยังไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งทันทีที่น้องยุ้ย ได้รับทราบเหตุผล ก็ตอบรับและแจ้งความจำนงว่าจะแบ่งปันเงินที่ได้รับบริจาค ซื้อเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจไฟฟ้าเพื่อมอบให้กับแผนกผู้ป่วยโรคตาทันที

นพ.จรัญ ทองทับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า เครื่องตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า เป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการตรวจคลื่นหัวใจผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจรักษา ซึ่งขณะนี้ในส่วนของ โรงพยาบาลบุรีรัมย์ยังมีความต้องการเครื่องดังกล่าวอยู่จำนวนมาก หากเทียบกับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารับการตรวจรักษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเชื่อว่าการที่ได้รับบริจาคในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วย

ส่วนการดูแลรักษา น.ส.สุนิสา ทางโรงพยาบาลก็ยังคงดูแลรักษาต่อเนื่อง แต่ในส่วนไหนที่เกินขีดความสามารถของทาง โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ก็ต้องส่งไปรักษายัง โรงพยาบาลที่มีขีดความสามารถสูงกว่า ร่วมในการดูแลรักษาในอีกทางหนึ่ง ก็ขอขอบคุณ น.ส.สุนิสา และครอบครัว ที่เห็นความสำคัญและตั้งใจบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ให้ในครั้งนี้ด้วย

ด้าน น.ส.สุนิสา กล่าวว่า ตอนแรกตั้งใจจะนำเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญ มามอบให้กับโรงพยาบาลจำนวน 5 หมื่นบาท เพื่อให้ทางโรงพยาบาลนำไปซื้อเครื่องแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาผู้ป่วย แต่พอโรงพยาบาลแจ้งเหตุผลให้ฟังว่าไม่สามารถรับเป็นเงินสดได้ และแนะให้บริจาคเป็นเครื่องมือแพทย์แพทย์ ก็ตัดสินใจแจ้งความจำนงจะซื้อเครื่องตรวจคลื่นหัวใจมอบให้กับทาง โรงพยาบาลทันทีตามความตั้งใจ เพราะเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับผู้ป่วยคนอื่น และเชื่อว่าผลบุญที่ตนเองทำสักวันอาจจะเกิดปาฏิหาริย์ ทำให้กลับมามองเห็นแสงสว่างได้อีกครั้ง