posttoday

ผบช.ภาค6 แจงปม 3ตร.โดนคดีทำร้ายนักศึกษากลับเข้ารับราชการ

06 มิถุนายน 2561

ผบช.ภาค6แจงปม 3 ตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายนักศึกษากลับเข้ารับราชการ เหตุเป็นไปตามพรบ.ตำรวจแห่งชาติ ต้องรอคำพิพากษาศาลถึงที่สุดก่อน

ผบช.ภาค6แจงปม 3 ตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายนักศึกษากลับเข้ารับราชการ เหตุเป็นไปตามพรบ.ตำรวจแห่งชาติ ต้องรอคำพิพากษาศาลถึงที่สุดก่อน

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก และ พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีที่ นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 จำนวน 3 นาย ประกอบด้วย ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จ.พิษณุโลก ร.ต.ท.ธนาคาร ชัยพิพัฒน์ สังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก และ ร.ต.อ.วุฒิภัทร บัวอุไร สังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก (ตำแหน่งในขณะนั้น) ซึ่งตกเป็นจำเลยทำร้ายร่างกายนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก จำนวน 5 คน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสทางร่างกายและจิตใจ เหตุเกิดเมื่อ 17 มี.ค. 59 ซึ่งปัจจุบันศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 3 คน โดยไม่รอลงอาญา แต่ตำรวจภูธรภาค 6 มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 3 นาย กลับเข้ารับราชการเป็นตำรวจในตำแหน่งเดิม ยศเดิม และเงินเดือนเท่าเดิม สร้างความเคลือบแคลงใจและสงสัยให้กับสังคม

พล.ต.ท.ทวิชชาติ แถลงว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง อยากให้ตำรวจชี้แจงกับประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาทางตำรวจภูธรภาค 6 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน ว่าต้องคดีอาญาจึงมีเหตุอันควรให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามกฎ ก.ตร. กระทั่งเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 60 ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก รายงานว่าคณะกรรมการสอบสวนได้พิจารณาแล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงให้รอคำพิพากษาศาลถึงที่สุด เพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการทางวินัย

ทั้งนี้จะครบกำหนด 240 วัน ในวันที่ 24 มิ.ย. 60 หากแต่การพิจารณาสั่งการทางวินัยไม่แล้วเสร็จ จึงขยายระยะเวลาการพิจารณาสั่งการทางวินัย ครั้งที่ 1 ออกไปมีกำหนด 60 วัน แต่คดีอาญายังไม่สิ้นสุดก็ต้องขยายระยะเวลาการพิจารณาสั่งการทางวินัย ครั้งที่ 2 ออกไปอีก 60 วัน เนื่องจากต้องรอคำพิพากษาศาลถึงที่สุดประกอบการพิจารณา ซึ่งตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 87 วรรคสอง จะต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน กลับคืนสู่ฐานะเดิมนับแต่วันครบกำหนดเวลาดังกล่าว จึงเสนอเรื่องมายังตำรวจภูธรภาค 6 ดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหาคืนสู่ฐานะเดิมต่อไป ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.60 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ได้สั่งให้ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก สั่งย้าย 3 นายตำรวจดังกล่าว ให้ข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหาและอยู่ระหว่างดำเนินเรื่องสู้คดีในชั้นศาลฎีกา ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 61 ซึ่งขอยืนยันว่าทางตำรวจภูธรภาค 6 ไม่ได้ช่วยเหลือตำรวจที่กระทำความผิด แต่ต้องทำไปตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งกระบวนการทางคดีอาญาและการดำเนินการทางวินัยควบคู่กันไป หากถึงที่สุดแล้วศาลฎีกาตัดสินมีความผิดจริง ผู้กล่าวหาก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมายและออกจากราชการทันที

"หากว่าฝั่งของผู้เสียหาย มีเรื่องไม่สบายใจหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับตนเองได้โดยตรง ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตำรวจที่รับใช้ประชาชนทุกคน"พล.ต.ท.ทวิชชาติกล่าว