posttoday

ตำรวจไม่อนุญาตปิดถนนจัดวิ่งปิล็อก-อีต่องมินิฮาล์ฟมาราธอน

05 พฤษภาคม 2561

กาญจนบุรี-ใครอยากวิ่งปิล็อก-อีต่องมินิฮาล์ฟมาราธอน13พ.ค.61รอไปก่อนตำรวจไม่อนุญาตให้ปิดถนนชาวบ้านเห็นพ้องสาเหตุเพราะมีพื้นที่ไม่เพียงรองรับปริมาณผู้คน

กาญจนบุรี-ใครอยากวิ่งปิล็อก-อีต่องมินิฮาล์ฟมาราธอน13พ.ค.61รอไปก่อนตำรวจไม่อนุญาตให้ปิดถนนชาวบ้านเห็นพ้องสาเหตุเพราะมีพื้นที่ไม่เพียงรองรับปริมาณผู้คน

พลตำรวจตรี กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มีหนังสือที่ 0022 (กจ) 313/3417 ลงวันที่ 2 พ.ค.61 ไม่อนุญาตให้มีการปิดเส้นทางหลวงชนบทหมายเลข 4088 ระหว่างโรงเรียนเหมืองแร่อีต่อง-ปากทางลงเหมืองสมศักดิ์ เพื่อให้  ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพ Running Thailand นำโดยนายมีศักดิ์ ปักษ์ชัยภูมิ ได้จัดกิจกรรม “วิ่งไปแตะขอบฟ้า ปิล๊อก-อีต่อง MIN-HARF MARATHON” ในวันที่ 13พ.ค.61 โดยให้เหตุผลว่า ถนนดังกล่าวเป็นถนนที่มีพื้นผิวจราจรแคบ คดโค้งลาดชัน ไม่มีไหล่ทาง เป็นเส้นทางหลักเส้นทางเดียวที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้สัญจรไป-มา ประกอบกับจำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขันมีจำนวน 2,960 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะทำงาน และยานพาหนะที่อาจมากว่า 1,000 คัน ประกอบกับการวิ่งในถนนที่แคบ และผู้ร่วมแข่งขันจำนวนมากเกินปริมาณถนนที่จะรองรับได้ อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัย และการปิดกันจราจรที่มีเส้นทางเดียวให้รถวิ่งสวนกันไม่มีเส้นทางเลี่ยงอื่นใช้แทนกันได้ จะก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจรได้

หนังสือฉบับข้างต้น สอดคล้องกับความคิดเห็นของชาวบ้านอีต่อง หมู่ที่1 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่เปิดเผยว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการจัดกิจกรรมวิ่งฯ แต่ที่รู้เนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์ และมีความเห็นว่า หากผู้จัดยังคงที่จะจัดกิจกรรมนี้ ความเดือดร้อนจะตกอยู่ที่ชาวบ้านอย่างแน่นอน เนื่องจากบ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีพื้นที่ไม่มากพอที่จะรองรับคนจำนวนมาก

อีกทั้งหมู่บ้านมีที่พักที่เป็นโฮมสเตย์ของชาวบ้านเพียง 34 แห่ง ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 500 คน ถ้านักท่องเที่ยว (นักวิ่ง) มาแล้วเกิดปัญหาไม่ประทับใจ นำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ คนที่โดดร้อนก็คือคนอีต่อง ไม่ใช่ทีมจัดงาน เพราะหากบ้านอีต่องไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้ว คนที่นี่จะประกอบอาชีพอะไรเลี้ยงครอบครัว ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ คนที่นี่ต้องต่อสู้มานาน

นางอรุณี มหัตกีรติ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านอีต่อง เปิดเผยว่า นายมีศักดิ์ ปักษ์ชัยภูมิ ผู้จัดงานเคยเดินทางมาเมื่อเดือนตุลาคม 2560 แจ้งว่าจะจัดกิจกรรมวิ่งฯ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของบ้านอีต่อง และจะนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้โรงเรียนเหมืองแร่อีต่อง"จะมีผู้ร่วมวิ่งประมาณ 500 คน"ซึ่งก็เพียงรับฟังไว้ โดยครั้งแรกจะมีการขอวิ่งจากโรงเรียนเหมืองแร่อิต่อง-บริเวณหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยบอกว่าจะจัดกิจกรรมในวันที่ 13 พ.ค.61 

ต่อมาเมื่อเดือนเมษายน ทีมผู้จัดได้แจ้งว่า ทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมวิ่งบนถนนช่วงที่อยู่ในเขตอุทยานฯ จึงเปลี่ยนเส้นทางวิ่งมาเป็นเส้นทางจากโรงเรียนเหมืองแร่อีต่อง-หน้าสภ.ต.ปิล็อก-เนินช้างศึกและทางเดินรอบๆ สระน้ำในหมู่บ้านอีต่อง โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เนื่องจากอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ปัญหาที่จะตามมามากมาย เพราะไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับจำนวนรถที่มากขนาดนี้ พื้นที่พักค้างแรมรวมทั้งสถานที่อาบน้ำไม่เพียงพออย่างแน่นอน ขณะที่ไฟฟ้าก็ไม่เพียงพอเช่นกัน เนื่องจากไฟฟ้าที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ทาง ปตท.ทำไว้เพื่อรองรับเฉพาะคนในชุมชนประมาณ 800-900 คนเท่านั้น

ปกติในช่วงที่เป็นเทศกาลที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันที่มี นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ไฟฟ้าที่นี่ก็จะดับเป็นประจำอยู่แล้ว ที่สำคัญปัญหาที่จะตามมาคือเรื่องของขยะ เพราะที่นี่ไม่มีที่ทิ้งขยะ ชาวบ้านจะใช้วิธีช่วยกันคัดแยกขยะและช่วยกันกำจัดขยะในครัวเรือน และหมู่บ้านจะบริหารจัดการขยะด้วยการฝังกลบ ปัจจุบันก็มีปริมาณมากอยู่แล้ว จึงเห็นว่าหากผู้จัดยังยืนยันที่จะจัดปัญหาและความเดือดร้อนจะเกิดกับชาวบ้านแน่นอน

ล่าสุด นายมีศักดิ์ ปักษ์ชัยภูมิ ผู้จัดกิจกรรม ได้เดินทางมายังบ้านอีต่อง เพื่อเข้าร่วมประชุมประจำเดือนกับชาวบ้าน โดยชี้แจงกับชาวบ้านและผู้เข้าร่วมประชุมว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากความล่าช้าในการดำเนินการพิจารณาตัดสินใจของหน่วยงานราชการในพื้นที่ โดยล่าสุดได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อขอจัดกิจกรรมวิ่งดังกล่าว ซึ่งจะได้รับคำตอบในวันที่7 พ.ค.61 พร้อมแจ้งในที่ประชุมว่ากิจกรรมวิ่งแตะขอบฟ้า ปิล๊อก-อิต่อง ล่าสุดมีผู้สมัครเข้าวิ่งถึง 3,500 คนแล้ว